30 มี.ค. 2559

เก็บเงินเข้ากระเป๋า! 10 วิธีลดความอ้วน แบบ ไม่ง้อฟิตเนส ให้เปลือง

เชื่อว่าสาวๆหลายคน ทันทีที่มีคนทักว่า “อ้วนขึ้น” ต้องมีความคิดแรกๆว่า “ฉันจะเข้าฟิตเนส” ทันทีแน่ๆ ทั้งที่ราคาของฟิตเนสนั้นไม่ใช่ถูกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าแพงหูฉี่จนถึงขั้นต้องถึงชั้นผ่อนกันเลยทีเดียว ว่าแต่ แล้วใครล่ะที่เป็นคนบอกคุณว่า การลดน้ำหนักต้องเข้าฟิตเนสเท่านั้น? เรามาดู 10 วิธีลดน้ำหนัก แบบ ไม่ง้อฟิตเนส ให้เสียเงินกันดีกว่า


1.เดิน 30 นาทีต่อวัน
การเดิน 30 นาที แม้เป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นและดูจะไม่ได้อะไร แต่คุณหมอคอนเฟิร์มนะคะว่า การเดิน 30 นาทีต่อวันนั้น เป็นทางที่ดีในการลดความอ้วนเลยล่ะ และยังช่วยให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญ “ฟรี” ไม่เสียเงิน คุณก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว

2.ใช้แอพพลิเคฃั่นนับแคลอรี่ฟรีๆ
เลือกแอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการคำนวณแคลอรี่ที่จำเป็นของคุณในแต่ละวันดูสิ ถึงการคำนวณจะไม่เป๊ะนัก แต่มันก็สามารถคำนวณได้คร่าวๆ ว่า การกินของคุณมันมากไปหรือน้อยไปหรือไม่ หรืออยู่ในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว อ้อที่แนะนำเลยก็คือ แอพพลิเคชั่น “Fooducate ” ที่จะบอกปริมาณแคลอรี่ของอาหารแต่ละอย่าง ให้คุณคำนวณคร่าวๆ ได้

3.ว่ายน้ำในสระในหมู่บ้าน
คนไหนที่โชคดีหมู่บ้านหรือคอนโดที่มีสระว่ายน้ำ อย่าได้มองข้ามสิ่งนี้เป็นอันขาด นี่เป็นสิทธิ์ของคุณและเป็นโอกาสทองในการลดความอ้วนเลยล่ะ เพียงแค่ว่ายวันละ 30 – 60 นาที คุณก็สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างแรงเลยล่ะ

4.หาอะไรทำให้หายเครียด
ความเครียดเป็นปัญหาในการทำให้น้ำหนักขึ้นได้ เพราะฉะนั้น อย่าได้มองข้ามเรื่องทางจิตใจเป็นอันขาดหากคุณอยากจะลดความอ้วน อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป แต่ต้องไม่ใช่การกินอะไรอ้วนๆ นะ เช่น การอ่านหนังสือ การดูหนัง ฟังเพลง รู้หรือไม่ว่าการอ่านหนังสือเพียง 6 นาที สามารถช่วยคุณลดน้ำหนักได้ด้วย

5.อย่าหยุดกินคาร์โบไฮเดรต
การลดคาร์โบไฮเดรตนั้น ทำให้คุณลดนักหนักได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น คุณควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเช่นเคย แต่เพียงอยู่ในปริมาณที่พอดีเท่านั้นเอง

6.เดินเล่นในแหล่งธรรมชาติ
นอกจากจะช่วยให้ออกกำลังกายแล้ว ธรรมชาติยังสามารถบำบัดความเครียดได้ดีอีกด้วย เพราะฉะนั้น รออะไรล่ะ หาสวนแถวบ้าน หรือทริปเจ๋งๆสักทริป สร้างความสุขและร่างกายที่แข็งแรงกันดีกว่า

7.ใช้สิทธิ์ฟิตเนสฟรี
หากคุณอยู่ในหมู่บ้านที่มีฟิตเนสฟรี อันนี้ก็อย่ามองข้าม ถึงแม้อุปกรณ๋จะมีไม่ครบครันเหมือนแบบที่เสียเงิน แต่หากคุณมีวินัยมากพอ อย่างไรก็ต้องผอม

8.ลดการกินเค็ม
เหลือ นั้น เชื่อมกับการกักเก็บน้ำในร่างกาย ซึ่งการลดกินเค็ม จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้ 5-10 ปอนด์อย่างรวดเร็วเลยล่ะ โดยนักวิจัยได้ทำการวิจัยกับผู้ที่รับประทานเค็มและพบว่าน้ำหนักนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 2300 มิลลิกรัม เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป อาหารเวฟ นะครับ

9.อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา 5 นาทีก็ออกกำลังได้
ใช้เวลา 5 นาทีไปกับการ วิดพื้น ท่าแพลงค์ แค่ 5 นาทีเท่านั้นก็ทำให้คุณสุขภาพดีได้แล้ว นอกจากนั้นยังช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี แค่ทำ 6 ครั้งต่อวันก็มีค่าเท่าคุณออกกำลังกาย 30 นาทีแล้ว

10.กินผักผลไม้ให้เยอะ
หลายคนมีความเชื่อผิดๆ ว่า การกินผักไม่ทำให้อิ่ม ทั้งที่ความจริงแล้ว ไฟเบอร์ในบล็อคโคลี่นั้น มีมากพอที่จะทำให้คุณอิ่มท้องได้เลยล่ะ และยังช่วยให้เบิร์นแคลอรี่ได้ดีอีกด้วย อ่อแต่ถ้าคุณเป็นโรคเกลียดผักล่ะก็ ผลไม้คืออีกหนึ่งทางเลือกครับ เลือกแตงโม ผลไม้ที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ในขณะที่แคลอรี่ต่ำมาก เพราะฉะนั้นเลือกกินผักผลไม้ให้มาก ก็ผอมได้แล้วล่ะครับ

25 มี.ค. 2559

วิธีดื่มน้ำ


พื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา
หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม
เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร
เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ

ข้อหนึ่ง
นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง
คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลักส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจแต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวันไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว(แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ

(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ

ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลยบางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับน้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับแต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ


ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเราเพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่
ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับคนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าวเขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลยผิด ผิด ผิดผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหารเมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด

เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควรก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับและอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้วอย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียวทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัวเบียร์ก็อีกตัวครับสังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไปได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไปแต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอดเสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิพอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่นส้ม แก้วมังกร สาลี่แตงโม เป็นต้น

มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง
เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับเพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามินสารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยาหารด้วย

เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดีเกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว
เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรองทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไรอีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆพวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขายแต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อยรวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ
อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ


22 มี.ค. 2559

รูปทรง ลิปสติก ที่คุณใช้ บอกอะไรคุณได้บ้างนะ

คนเราทุกคนมีนิสัยการใช้ข้าวของเครื่องใช้กันเฉพาะตัวอยู่แล้วในแต่ละคนครับ ทุกๆ อย่างมาจากเบื้องลึกข้างในใจเรานั่นแหละ ที่ทำให้เรามีปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตเราโดยรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง อย่าง การใช้เครื่องสำอางของสาวๆ แต่ละคน ก็จะแตกต่างกันไป ไม่เชื่อลองเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางของเพื่อนดูสิครับ ว่าแตกต่างจากของเราไหม และสิ่งหนึ่งที่สาวๆ เราใช้กันแทบทุกวัน นั่นก็คือ ลิปสติก สาวๆ เคยสังเกตตัวเองกันบ้างไหมครับว่า ลิปสติกที่ตัวเองใช้ มีรูปทรงอย่างไรกันบ้าง โดยส่วนใหญ่ 1 คน ก็จะใช้ลิปสติกทุกแท่งเป็นทรงเดียวกันนั่นแหละครับ


ไม่ว่าจะมีสัก 10 แท่งก็จะเป็นทรงเดียวกันหมด ลองสังเกตตัวเองดีๆ แล้วตามมาดูกันว่ารูปทรง ลิปสติก ที่คุณใช้ บอกอะไรคุณได้บ้างนะ

ลิปสติกทรงยอดแหลมตัด 2 ด้าน : คุณเป็นคนเถรตรงแบบขวานผ่าซากเลยล่ะ ไม่ว่าใครจะรักคุณมากมายแค่ไหน หรือ จะชังน้ำหน้าคุณขนาดไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำอะไรคุณไม่ได้เลยแม้แต่น้อย คุณเป็นคนหยิ่งทะนงตนคนหนึ่ง ที่ภาคภูมิใจในการยอมหักไม่ยอมงอ (เรียกง่ายๆ ว่า ดื้อ) และ มั่นใจที่จะแสดงความคิดเห็นของตนเองต่อผู้อื่น ถึงแม้ว่า ความคิดที่แสดงออกไปนั้นจะขัดแย้งกับคนอื่นก็ตาม แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะเป็นคนแรกที่พร้อมเข้าช่วยเหลือคนที่คุณรักในยามยากเช่นกัน


ลิปสติกทรงเรียบตรง : ในสายตาของคนรอบข้างคุณ มองคุณเป็นคนฉลาดสุดๆ ไปเลย ซึ่งจริงๆ คุณก็เป็นคนแบบนั้นแหละ คุณเป็นคนมีไหวพริบ ฉลาด และสนุกสนาน นั่นทำให้คุณมีเสน่ห์แบบธรรมชาติ แต่เวลาที่คุณอึกอักกับปัญหา พยายามประนีประนอมกับคนที่เห็นต่างจากคุณ นั่นกลับทำให้คนที่รักคุณ คาดหวังว่าคุณจะแก้ปัญหาได้ต่างก็ผิดหวังในตัวคุณเช่นกัน คุณชอบดูหนังสารคดีมากกว่าหนังประเภทอื่นๆ เพราะคุณเห็นว่ามันมีสาระ

ลิปสติกทรงกลมมน : ห้องนั่งเล่นคือ ห้องที่คุณชอบมากที่สุดในบ้าน คุณมักเก็บกวาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อพร้อมต้อนรับแขกที่จะมาเยือนอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคุณ คือ การดูแลคนในครอบครัว แต่ถึงกระนั้น คุณก็มีซอกมุมส่วนตัวอันโดดเดี่ยวเช่นกัน เรียกง่ายๆ ว่าติสท์นั่นแหละค่ะ คุณมีงานอดิเรกที่คุณสามารถจมจ่อม สนุกกับมันเป็นวันๆ อยู่เพียงคนเดียวก็ได้ ทั้ง งานเขียน งานดนตรี หรือ การวาดภาพ โดยที่คุณไม่รู้สึกตัวเลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว

ลิปสติกทรงแหลมเฉียงเว้าล่าง  : คุณจะรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ทำผิดกฎระเบียบที่ถูกวางไว้ เหมือนเด็กๆ เวลาทำผิดนั่นแหละค่ะ ถึงแม้ว่าคุณจะโตแล้วก็ตาม แต่ คุณจะเครียดมาก หากจะต้องปฏิเสธใคร หรือต้องทำร้ายความรู้สึกคนอื่นก็ตาม มองในแง่ดี ความเอาใจเขามาใส่ใจเราของคุณ ทำให้คุณเป็นที่รักของคนอื่นๆ คุณกลายเป็นส่วนสำคัญของทีม ทั้งที่ทำงานและในกลุ่มเพื่อนฝูง


ลิปสติกทรงตัดตรงและมีหลุมเว้าตรงกลาง : คุณไม่รังเกียจเลยหากจะต้องลดตัวไปเหนื่อยยากตรากตรำ ทำงานพื้นๆ เพียงเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คุณเป็นคนอยากรู้อยากเห็นไม่มีที่สิ้นสุด และความอยากรู้อยากเห็นของคุณนั่นเอง ที่ทำให้คุณไม่กลัวที่จะถาม และ ไม่กลัวความเสี่ยง และด้วยนิสัยแบบนี้นี่เองที่ทำให้คุณคล้ายคนที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีที่ทำให้คุณเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ คุณมีความพยายามที่จะกระโดดเข้าใส่เพื่อคว้าอะไรก็ตามที่คุณอยากได้ ทั้งเรื่องการงาน ความรัก และ วิถีชีวิตที่คุณอยากเป็น

ลิปสติกทรงแหลมแบบดินสอ : คุณเป็นคนสมาร์ท และ เซ็กซี่ เป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูดคน ขี้อ่อยได้อย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติสุดๆ ซึ่งทำให้คุณเป็นที่อิจฉาของเพื่อนฝูงเสมอๆ ในวันหยุดคุณมักจะใช้เวลาไปกิจกรรมส่วนตัวมากกว่าที่จะไปทำตามใครเขา ทำให้ใครๆ ก็คิดว่าคุณเป็นคนหยิ่ง อวดดี แต่จริงๆ แล้ว คุณรู้ตัวเองดีว่าคุณเป็นใครและ ภูมิใจที่เป็นตัวเองนี่แหละ นอกจากนี้แล้ว คุณยังร้องเพลงเก่งอีกด้วยนะ

ลิปสติกทรงแหลมเฉียงข้างและเว้าบน : ในวัยเด็กคุณมักจะถูกรายล้อม เป็นที่รักของผู้คน กลายเป็นนิสัยติดตัวมาถึงตอนโต คุณเป็นผู้ให้ และ ชอบช่วยเหลือคนอื่น แถมยังเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อแต่คุณก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นคนกดดันตัวเองมากเกินไป คุณเป็นคนรักสัตว์ แต่คุณกลับมีบุคลิกเหมือนสุนัข ที่มีพลังงานเหลือเฟือ กระตือรือร้น สนุกสนานและ มีความจงรักภักดีอย่างไร้เงื่อนไข ซึ่งนั่นคือข้อดีในตัวคุณ

ลิปสติกทรงแหลมเฉียงตัดตรงแบบทะแยงมุม : คุณเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ โดยพรสวรรค์ และพรแสวงเลยค่ะ หากมีงานปาร์ตี้ คุณจะเป็นคนจัดงานและคอยดูแลความเรียบร้อยของงานอยู่เสมอ คุณมักเป็นจุดสนใจ ที่คอยสร้างสีสันให้กับผู้คนรอบข้างได้สนุกไปจนกว่าจะเหนื่อย และเพราะคุณเป็นคนมุ่งมั่น หากคิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็ย่อมต้องมีบ้างที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกรำคาญ แต่คุณก็ไม่เคยย่อท้อ ทำมันจนกว่าจะสำเร็จจริงๆ นั่นแหละ และเพราะคุณเป็นคนเช่นนี้ จึงทำให้คุณเป็นส่วนสำคัญในทุกพื้นที่ที่คุณอยู่ ทั้งในครอบครัวของคุณ เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน

สาวๆ ชอบใช้ลิปสติกเป็นทรงไหนกันบ้าง แล้ว ตรงกับนิสัยของคุณกันบ้างไหมครับ ^.^

21 มี.ค. 2559

How to ทริคง่ายๆ ปัดขนตาให้หนา งอน ดูมีวอลลุ่ม

 นี่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่มีมานานแล้ว หลายคนอาจจะเคยเห็นในหนังสือบางเล่มแต่เราก็มองข้ามผ่านวิธีนี้ไป เพราะค่อนข้างใช้เวลานานแต่บอกเลยว่าผลลัพท์ที่ออกมาคุ้มค่ากับที่เสียเวลาไปอย่างแน่นอน ถ้าคุณสาวๆพอมีเวลาและต้องการแต่งขนตาให้หนายาวงามงอน ขอบอกว่าต้องลองวิธีนี้เลย! แค่มีแป้งฝุ่น หรือ Loose Powder ก็พร้อมลุยกันได้เลยจ้า…

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก็คือ แป้งฝุ่นและแปรงมาสคาร่าที่ไม่ใช้แล้ว เริ่มจากนำหัวแปรงมาสคาร่าที่ไม่ใช้แล้วมาแตะแป้งฝุ่นเพียงเล็กน้อย แคะ 2-3 ครั้ง เพื่อให้แป้งส่วนเกินหลุดออกมา แล้วนำมาปัดที่ขนตาทั้งบนและล่าง เริ่มปัดจากแนวนอนก่อนแล้วจึงปัดในแนวตั้งอีกครั้ง จากนั้นเปลี่ยนมาใช้แปรงมาสคาร่าสีดำแปัดซ้ำอีกครั้ง สำหรับใครที่มีแปรงขนาดเล็กนำมาใช้กับขนตาล่างก็จะช่วยให้ปัดได้ง่ายขึ้น มาดูวิธีการปัดขนตาทีละขั้นตอนกันเลย



19 มี.ค. 2559

วิธีกำจัดกลิตเตอร์ แก้ปัญหากวนใจ ติดทีไรเอาออกยากทุกที

ช่วงปีใหม่ เป็นช่วงที่ปาร์ตี้หนักมาก งานกลิตเตอร์ก็ต้องมา สวยได้สวยดี แต่ก็ต้องมาพบปัญหาว่าเจ้ากลิตเตอร์ชอบติดผิว ติดตามบ้าน พื้นบ้าน เอาออกก็ยากแสนยาก เอาตรงนี้ออกได้ ดันไปติดที่ใหม่อีก ไม่รู้จะทำยังไงให้มันหลุดง่ายๆ สักที  เอาล่ะ เรามีวิธีที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ แถมง่าย มากอีกต่างหาก


วิธีการเอากลิตเตอร์ออกจากเสื้อผ้า
ปัญหาใหญ่ของสาวๆ เลยล่ะ วิธีก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่พ่นสเปรย์ฉีดผมลงบนเสื้อผ้าที่มีกลิตเตอร์ รอจนกว่ามันจะแห้งตัว และค่อยนำเสื้อผ้าไปซัก แค่นี้กลิตเตอร์ก็จะหลุดลอยไปโดยง่ายแล้ว แต่ถ้าไม่เป็นผล ให้ทำซ้ำอีกครั้งรับรองว่ายังไงก็ต้องออกจนได้

วิธีการเอากลิตเตอร์ออกจากผิว
จะมีใครรู้ดีไปกว่าเมคอัพ อาร์ทติส ล่ะ โดยเมคอัพ อาร์ทติส แนะนำว่า เพียงแค่ใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว โดยการเอานิ้วมือจุ่มน้ำมันมะพร้าวแล้วค่อยๆหมุนวน ในบริเวณที่กลิตเตอร์ติดอยู่ และใช้สำลีที่ชุบน้ำเช็ดออก แค่นี้ กลิตเตอร์ก็บ๊ายบายผิวหนังของคุณได้แล้ว 

วิธีเอากลิตเตอร์ออกจากเส้นผม 
ไม่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไรที่จะเอาออกได้ ก็ “น้ำมัน” อีกนั่นล่ะ เพียงแค่ใช้น้ำมันมะกอกเทใส่มือ และฟอกและนวดให้ทั่วศีรษะแล้วล้างออก ผมของคุณก็จะสะอ๊าดสะอาดหมดจด ไม่เหลือเจ้ากลิตเตอร์วิ้งวับมากวนใจอีกต่อไป

17 มี.ค. 2559

หนุ่มๆ ควรอ่าน! 5 เทคนิคปราบแฟนสาว ในช่วงมีประจำเดือน

ปัญหาโลกแตกอีกหนึ่งของคู่รักที่มักเจอกันเป็นบ่อย เมื่อถึงช่วงที่เป็นแฟนสาวมีประจำเดือน คุณผู้ชายหลายคนต้องปวดหัวเวียนเกล้าไปกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จะหลีกเลี่ยงก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เพราะดันมีทุกเดือนนี่นา แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องกังวลใจไปครับ เพียงแค่ลองทำตามที่แนะนำ เชื่อสิ ว่าอารมณ์ของแฟนคุณจะดีขึ้นทันทีเลยแหละ



1. เตรียมยาแก้ปวดท้องประจำเดือนไว้รอ
แน่นอนว่าอาการต้องมา!! แต่จะปวดระดับไหนต้องลองสังเกตแฟนคุณดูนะครับ ผู้หญิงบางคนก็ทนได้ บางคนก็นอนซมไม่มีแรงจะเดินไปไหน แต่ไม่ว่าจะอาการจะเป็นยังไง คุณก็ต้องเตรียมยาแก้ปวดไว้รอจะดีที่สุดครับ จะซื้อก็บไว้เลยก็ได้นะครับ เพราะยังไงก็ต้องได้ใช้อยู่ดี หลังจากยื่นยาให้ไปแล้ว บางครั้งเพื่อความชัวส์ ถุงประคบร้อนก็สำคัญนะคะ จะช่วยให้อาการปวดท้องเบาเทาไปได้เยอะ แค่เริ่มต้นก็ได้ใจแฟนคุณได้เต็มๆ แล้วครับ

2. เครื่องดื่มร้อนๆ อย่าให้ขาด
ช่วงที่เป็นประจำเดือน น้ำเย็นจะเป็นตัวการให้ปวดท้องมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น เตรียมเลยครับ นมอุ่นๆ น้ำขิง น้ำชาร้อน กาแฟ โกโก้ เครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่ไม่ใส่น้ำแข็ง ยิ่งถ้าคุณลงมือชงเอง แฟนสาวของคุณจะยิ่งปลื้มใจสุดๆ ไปเลยครับ งานนี้ไม่มีอาละวาดวีนแต่กแน่นอน

3. บีบๆ นวดๆ ให้ผ่อนคลาย
ผู้หญิงบางคนเมื่อมีประจำเดือน จะมีอาการปวดหลัง ปวดตัว ร่วมด้วยนะครับ ถ้าคุณพอมีทักษะการนวดอยู่บ้าง แนะนำว่าช่วยบีนวดเบาๆ ให้คุณแฟนสาวผ่อนคลายความปวดก็ดีนะครับ ถ้าสบายตัวก็จะสบายใจตามไปด้วย คุณเองก็จะได้ไม่ต้องเจอกับนางยักษ์ขี้บ่นอีกแล้ว เผลอๆ จะได้กวางน้อยขี้อ้อนกลับมาแทนก็ได้นะครับ

4. พาไปเดินช้อปปิ้งแก้เครียด
หลังจากกินยา บีบนวดให้คลายปวดเมื่อยกันแล้ว ลองชวนแฟนคุณไปเดินเล่น เปิดหูเปิดตาดูนะครับ อาจจะซื้อเสื้อผ้าให้สักชุด หรือพาไปร้านอาหารอร่อยๆ ให้ลืมเรื่องปวดหัวปวดท้องกันไป หลอกล่อกันสุดฤทธิ์ รับรองว่าอารมณ์ดีไปทั้งวันครับ

5. พกผ้าอนามัยติดตัว หรือ ติดรถไว้บ้าง
อาจจะดูน่าอายไปสักหน่อยนะครับ ถ้าคุณผู้ชายจะต้องเดินไปซื้อผ้าอนามัยมาให้แฟน แต่อย่าลืมว่าบางครั้ง ประจำเดือน เจ้าปัญหานี้ก็มาแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันครับ นึกอยากจะมาก็มา แล้วลองนึกดูว่าถ้าจังหวะนั้นคุณมีผ้าอนามัยให้เธอได้พอดี แฟนคุณจะยิ้มแก้มฉีกขนาดไหน แสดงถึงความใส่ใจแบบสุดๆ หรือถ้าเขินหนักไม่กล้าซื้อ แนะนำให้ไปบอกเธอว่าให้ซื้อเผื่อมาติดรถเอาไว้บ้างก็ดี เผื่อฉุกเฉินจะได้เตรียมรับมือได้ทัน ลองดูทำตามดูนะครับ

5 เหตุผล ที่คุณควรเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตจาก “Cotton100%”

หลายคนสงสัย ทำไมถึงต้อง Cotton 100% เสื้อผ้าที่วางขายก็มีเยอะมากมายจนเลือกซื้อแทบไม่ถูก แล้วข้อดีของผ้าชนิดนี้เป็นอย่างไร ? จะเหมาะกับแม่บ้านเท่านั้นหรือเปล่า ? เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าครับ


1. สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี
ผ้าคอตตอน ทำมาจากเส้นใยฝ้าย ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของความนุ่มสบายเมื่อได้สวมใส่ แถมยังเหมาะมากกับอากาศร้อนอย่างเมืองไทย เพราะสามารถถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี ซับเหงื่อได้ ยิ่งผ้าคอตตอนที่ผลิตจากเส้นใยฝ้าย 100% คุณภาพจะยิ่งดีทวีคูณขึ้นไปอีก

2. มีความทนทาน สวมใส่ได้นาน
เส้นใยฝ้ายสามารถทนความร้อนได้ดี แม้กระทั่งน้ำร้อนที่อุณหภูมิสูงๆ ก็ไม่ทำให้คุณภาพของเนื้อผ้าลดลงไปได้เลย ประหยัดเงิน ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ  เพราะผ้าชนิดนี้ทนนานแน่นอน

3. ดูแลรักษาได้ง่าย
ผ้าชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ สามารถซักได้ตามปกติ ทั้งเครื่องปั่นหรือซักมือ ผ้าฝ้ายมีเส้นใยที่แข็งแรงทนต่อความเป็นด่าง ซึ่งหมายความว่าสามารถทนผงซักผอกได้ดี นอกจากนี้สารเรื่องแสงในผงซักฟอกสมัยใหม่ช่วยทำให้สีของผ้าฝ้ายเด่นชัดขึ้นอีกด้วย

4. เนื้อผ้าคงรูป ไม่หดตัว
ผ้าคอตตอน 100% ที่ผลิตจากกระบวนที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ถึงแม้จะมีราคาสักนิด แต่รับรองว่าเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ดีจริงๆ คุณจะไม่รู้สึกเสียดายเงินเลย แถมยังไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเมื่อนำไปซัก เนื้อผ้าจะหดเสียรูปไม่เหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ เพราะโดยธรรมชาติแล้วผ้าฝ้ายจะคงรูป ไม่ยืด และหดตัวมากนัก

5. เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย
ผ้าฝ้ายสามารถนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าได้ทุกแบบ ตั้งแต่กางเกงยีนส์ ไปจนถึงผ้าอ้อมเด็ก เพราะมีความอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวเด็กเกิดความระคายเคือง แถมยังลงไปต้มในน้ำร้อนฆ่าเชื้อได้แบบสบายๆ ไม่ทำให้ผ้าเสียแน่นอน เพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าผ้าชนิดนี้ สามารถทนความร้อนได้ดีเยี่ยม

14 มี.ค. 2559

บำรุงผิว 7 วิธีให้ได้ผลดีที่สุด


1. ขัดผิวซะก่อน บำรุงผิว เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะเป็นเหมือนเกราะกำบังที่ทำให้สกินแคร์ซึมซาบลงสู่ชั้นผิวหนังได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงควรสครับผิวอย่างน้อยทุกสัปดาห์ควบคู่ไปกับขั้นตอนทำความสะอาดผิว

2. เรียงลำดับขั้นตอนการ บำรุงผิว ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นควรจะเป็นตัวส่งผ่านไปยังผิวก่อน ดังนั้น ในการใช้สกินแคร์จึงต้องเรียงลำดับโดยเลือกใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่บางสุด เช่น เอสเซนส์ หรือ เซรั่ม แล้วค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่เนื้อเข้มข้นขึ้นอย่างโลชั่นหรือครีม

3. บำรุงผิว ทันทีหลังล้างหน้า ผิวที่เปียกชื้นนั้นก็เป็นเหมือนฟองน้ำที่จะสามารถซึมซับน้ำได้ดี การใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว ใดๆ ก็ตามจะได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อผิวหน้ายังคงความชื้น (ไม่ใช่เปียกนะ) แต่วิธีนี้อย่านำไปใช้กับการทาครีมกันแดดล่ะ เพราะอาจจะเกิดคราบได้

4. วอร์มผิวก่อน หากคุณใช้น้ำที่มีความอุ่นเล็กน้อยล้างหน้า จะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังและเป็นการเปิดรูขุมขน เพิ่มพื้นที่ให้เซลล์ผิวหนังดูดซับคุณค่าจากผลิตภัณฑ์ได้ เมื่อทาครีม บำรุงผิว ต่างๆ ลงไปบนผิวที่ยังชื้น มันก็จะทำงานได้ดีขึ้น

5. ปิดท้ายด้วยครีมเนื้อแน่น ควร บำรุงผิว ด้วยครีมเนื้อเข้มข้นเป็นอันดับสุดท้าย เช่น ครีมเนื้อบัตเตอร์มีส่วนผสมของปิโตรเลียม, แว๊กซ์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวดูดสารบำรุงจากสกินแคร์ได้ดีขึ้น ครีมเนื้อเข้มข้นจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวไม่แห้งตึง แต่สำหรับคนหน้ามันที่เป็นสิวง่าย ควรคิดให้ดีหากใช้แล้วผิวมันเยิ้ม

6. บำรุงผิว ยามค่ำคืน การไหลเวียนโลหิตนั้นตื่นตัวในยามที่เราหลับ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณครึ่งองศา และนี่เป็นจังหวะที่ดีซึ่ง Retinoids รวมทั้งส่วนผสมอื่นๆ จะเข้าฟื้น บำรุงผิว ได้อย่างดี ดังนั้น เมือใช้สกินแคร์ทั้งหมดทั้งมวลเสร็จ จึงควรตรงดิ่งไปที่เตียงและนอนหลับพักผ่อนเลย

7. ครีมกันแดด+แอนตี่ออกซิแดนท์ ทั้งสองอย่างนี้เกิดมาคู่กัน เพื่อทำให้การ บำรุงผิว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างวัน โดยก่อนที่จะลงครีมกันแดดก็ให้ทาให้ใช้เซรั่มที่มี สารแอนตี้ออกซิแดนต์ ลงไปก่อน

12 มี.ค. 2559

กลิ่นอับ! เคล็ดลับดับกลิ่นเท้า สร้างเสน่ห์ให้เท้าคุณ

คงเป็นเรื่องน่าอายมาก หากเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นกับเท้าของคุณ ไม่ว่าคุณจะเดิน ยืน หรือนั่งอยู่เฉยๆ ก็อาจมีกลิ่นรบกวนคนรอบข้างได้ อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นกับคุณเลยครับ หันมาดูแลสุขภาพเท้ากันดีกว่า อย่ามัวช้า ไปดูเคล็ดลับ ที่จะช่วยทำให้เท้าของคุณสาวๆ ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นได้ กันเลยจ้า


เล็บสั้นๆ สำคัญไฉน เรื่องความยาวของเล็บคุณนั้น ถือเป็นเรื่องที่คุณสาวๆ ไม่ควรมองข้ามกันไปนะคะ ถ้าหากว่า คุณสาวๆ มีขนาดความยาวของเล็บเท้า ที่ยาวจนเกินไป ก็จะยิ่งทำให้ เชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ มุ่งหน้าเข้ามาสะสมอยู่ที่ปลายเล็บของคุณได้ และนั่นก็จะเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์กับเท้าของคุณได้นั่นเองครับ

…..สารส้ม ช่วยได้ จริงหรือ…? คุณสาวๆ ทราบมั้ยครับว่า สารส้มก้อนเหลี่ยมเนี่ยแหละครับ สามารถช่วยดับกลิ่นเท้าของคุณสาวๆ ได้ วิธีง่ายๆ ให้คุณสาวๆ นำสารส้มไปแกว่งใส่ในน้ำอุ่น สักสามถึงสี่รอบ แล้วแช่เท้า นาน 15-20 นาที ทำแบบนี้เป้นประจำทุกวัน กลิ่นเท้าของคุณสาวๆ ก็จะค่อยๆ จางหายไปได้ครับ

…..สบู่กับน้ำอุ่น ประโยชน์เยี่ยมยอด ถ้าหากว่า คุณสาวๆ มีเวลาไม่มาก แนะนให้ใช้สบู่เด็กถูให้ทั่วที่เท้า เน้นให้มากๆ ตามซอกของนิ้วเท้าและซอกเล็บ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น โดยเปิดน้พอุ่นล้างฟองสบู่ออก โดยไม่ต้องมือถูนะครับ ปล่อยให้น้ำไหลผ่าน เอาล้างฟองออกไปเอง วิธีนี้ จะช่วยทำให้กลิ่นของสบู่ ติดที่เท้าได้นานมากกว่าครับ

…..เพิ่มความมั่นใจ อีกสักรอบ ก่อนที่คุณสาวๆ จะเดินทางออกไปไหนมาไหน แนะนำให้คุณสาวๆ ใช้สเปรย์ ดับกลิ่น เท้า ฉีดให้ทั่ว เพื่อเป็นการย้ำความมั่นใจเรื่องกลิ่นกันอีกสักรอบครับ

…..เคล็ด (ไม่) ลับ ง่ายๆ แบบนี้ คุณสาวๆ อย่าลืมเอาไปทำตามกันนะครับ อย่าปล่อยให้เสน่ห์ของคุณต้องหมดไป เพราะเรื่องกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เลยครับ ดูแลให้ทั่วสักนิด รับรองว่า คุณจะเป็นผู้หญิง ที่สวย สมบูรณ์แบบ มั่นใจเรื่องกลิ่นรบกวนได้ครับ

ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องอ่าน! 10 เคล็ดลับ เสื้อชั้นใน ที่ต้องรู้ก่อนตาย

ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง ไม่มีใครสามารถสะบัดบ๊อบใส่ เสื้อชั้นใน ของคู่กาย คู่ทุกข์คู่ยาก สำหรับผู้หญิงอย่าง เราๆ ได้แน่ๆ เช่นนั้นแล้ว ก็อย่าหยุดอยู่ที่แค่ รู้ว่า ตัวเองคัพอะไร ใส่เสื้อในไซส์ไหน เพราะนอกจาก เรื่องนั้นแล้ว ยังมีความลับเกี่ยวกับ เสื้อชั้นในอีกเพียบ ที่สาวๆ หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ บอกเลยว่า.. รู้แล้ว คราวนี้อาจเปลี่ยนชีวิตคุณสาวๆ ได้เลยเชียวนะเออ! ว่าแล้วก็มาดูกันเลย ว่า 16 เคล็ดลับสุดยอดที่ว่า คือ อะไรบ้าง ม่ะ!


1 ใส่สปอร์ตบราไปออกกำลังกาย ต้องซักทันที ขึ้เกียจหรอ ก็ใส่เข้าไปอาบน้ำด้วยซิจ๊ะ ฟังไม่ผิดแน่นอน ก็แค่ใส่เข้าไปอาบน้ำด้วยซะเลย แค่นี้ก็ซักไปพร้อมๆกันกับเวลาถูสบู่ อาบน้ำแล้วล่ะ..แต่อย่าลืมหยิบออกมาตากให้แห้งซะด้วยล่ะ


2. ถ้าคุณเตรียมตัวตะลุยราตรี ด้วยการสวมบราไร้สาย เพื่อไปแด๊นซ์แล้วล่ะก็ คำแนะนำที่เวิร์คที่สุดก็คือ ให้คุณหยิบบราที่ขนาดเล็กกว่าเดิม1ไซส์ รับรองว่า แด๊นซ์สะบัดไม่ต้องกลัวว่าจะหลุด


3. เสื้อคอกว้าง อยากซ่อนสายเสื้อใน ก็มีตัวช่วยง่ายๆ แค่เย็บกระดุมแป๊ะติดลงไปกับเสื้อ แค่นี้ก็ไม่ต้องคอยดึงสายเสื้อในให้หงุดหงิดอารมณ์อีกต่อไป


4. DIY เสื้อชั้นใน ให้โชว์สายเก๋ๆ ด้วยการ นำสายเสื้อชั้นใน มาเย็บติดกับชุดชั้นในใหม่..เก๋ดีมั้ยล่ะ

5. รู้กันหรือยัง ว่าบราแต่ละแบบ มันต่างวาระต่างการใช้งานยังไงกันบ้าง ดูจากภาพด้านบนรับรอง เคลียร์!


6. ซ่อมบราแบบฉุกเฉิน ด้วยการนำผ้าอนามัยแบบบาง มาติดบริเวณโครงเหล็กของชุดชั้นใน ที่ทิ่มออกมาจากบรา


7.  รู้จักวิธีดูแล ชุดชั้นในดีพอแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็อ่านซะ 
–  ควรมีชุดชั้นในอย่างน้อย 4 ตัว เพื่อหมุนเวียนใส่ใน 1 สัปดาห์ ทำไมน่ะหรอ ก็เพื่อเป็นการดูแลยืดอายุการใช้งาน ให้มันได้พักบ้าง
–  ซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ และใช้ผงซักฟอกชนิดอ่อนๆ หรือน้ำยาสำหรับชุดชั้นใน เพื่อรักษาเส้นใยของชุด
–  หากชุดชั้นในมีฟองน้ำ หรือบราชนิดพิเศษที่ถอดออกได้ อย่าลืมถอดออกก่อนซัก อย่าซักไปพร้อมๆกัน
– หากซักรวมกับผ้าชนิดอื่นๆ ควรถอดสายเสื้อชั้นออกจากชุด เพราะเวลาซักจะได้ไม่ถูกดึงจนบราเสียทรง
– ซักเครื่องต้องใส่ถุงซักผ้า ยิ่งถ้าเป็นถุงสำหรับซักชุดชั้นในจะดีมาก มิเช่นนั้น มันจะพังภายในพริบตา
– ปล่อยให้มันแห้งด้วยการแขวนตาก ห้ามอบแห้งเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำลายเส้นใยหรือเทคโนโลยีต่างๆ ในบราของคุณจนหมดสิ้น


8. แก้ปัญหาใส่บราไร้สาย ไม่ให้ไหลหลุด ด้วยการนำสายของเสื้อชั้นในนี่หล่ะ มาพันไว้รอบตัวแทนเชือก


9. เลิกเอาเสื้อชั้นในไปยัดใส่ลิ้นชัก ให้มันบู้บี้เสียทรง เปลี่ยนมาเป็นการแขวนไว้บนไม้แขวน ไม่ให้มีอะไรมาทับ บริเวณเต้าชุดชั้นใน ช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกน่ะ


10. เสื้อกล้ามเว้าหลัง ไม่อยากโชว์สายเสื้อชั้นใน ก็ใช้คลิปหนีบกระดาษช่วยจัดการได้อย่างเนี๊ยบและง่ายที่สุดในสามโลก

9 มี.ค. 2559

สเปรย์ฉีดผมช่วยชีวิตได้! 7 เหตุผลที่คุณควรพกสเปรย์ผมไว้เสมอ

คิดผิดคิดใหม่ได้นะ ที่คิดว่าสเปรย์ผมมีไว้ฉีดผมอย่างเดียวน่ะ เพราะ สเปรย์ผมที่คุณใช้อยู่ทุกวันเป็นได้มากกว่านั้น และแถมยังช่วยชีวิตคุณในเวลาคับขันได้อีกด้วย ว่าแต่จะเป็นอะไรบ้างมาดูกัน

1.ถุงน่องขาด ล็อคได้
พกสเปรย์ฉีดผมอันจิ๋วไว้กับตัว หากคุณเป็นสาวออฟฟิศที่ต้องใส่ถุงน่องไปทำงานทุกวัน หรือ คุณเป็นสาวปาร์ตี้ตัวยงที่ชอบใส่ถุงน่องนำโชว์เรียวขา สเปรย์ผมจะไม่ได้ทำให้ถุงน่องของคุณกลับมาสวยปิ๊งเหมือนเดิมได้หรอกนะ แต่มันไม่ทำให้ถุงน่องของคุณแย่ลงไปกว่านี้แน่นอน อย่างน้อยถ้ามันขาดก็ช่วยให้คุณกลับบ้านได้โดยไม่รุ่งริ่งแล้วกัน


2.ทำให้คิ้วคุณอยู่ในทรงที่คุณต้องการ
ลืมเจลเขียนคิ้วไว้ที่บ้านหรอ? ไม่เป็นไร หากคุณพกสเปรย์ฉีดผมมา ใช้สเปรย์ฉีดผมฉีดที่แปรงเขียนคิ้ว แล้วตัดแต่งทรงคิ้วได้ตามต้องการ แค่นี้คิ้วก็อยู่ในทรงที่ควรอยู่ได้ตลอดทั้งวันแล้วล่ะ

3.บอกลาคราบลิปสติกที่เสื้อผ้า
ต้องมีวันที่สาวๆพลาดทำเสื้อเลือะลิปสติกบ้างแหละ ว่าแต่จะเอาออกก็ย๊ากยาก ไม่ยากเลย ถ้าคุณพกสเปรย์ฉีดผมไว้ เพราะแค่ฉีดไว้ที่รอยและทิ้งไว้ 10 นาที ใช้ฟองน้ำค่อยๆขัดออก แล้วค่อยซักด้วยผงซักฟอก แค่นี้เสื้อของคุณก็จะบ๊ายบายคราบของเจ้าลิปสติกได้แล้ว

4.สำลีติดผ้าหรอ สเปรย์ฉีดผมช่วยคุณได้
สาวๆคนไหนที่เคยหลงลืมทิชชู่ไว้ในกระเป๋า แล้วพอซักออกมา ทิชชู่ติดเต็มเสื้อไปหมด จะเอาออกก็ย๊ากยาก ไม่มีอะไรยากอีกต่อไปค่ะ เพียงแค่ฉีดสเปรย์ฉีดผมและตบๆออก รอยสำลี รอยทิชชู่ ก็จะหลุดออกได้อย่างง่ายดาย

5.หน้าหนาวบอกลาไฟฟ้าสถิตได้เลย
ถ้าไฟฟ้าสถิตทำคุณรำคาญใจ สเปรย์ฉีดผมช่วยคุณได้ เพียงแค่ถือสเปรย์ห่างตัวไว้ ประมาณ 8 นิ้ว แล้วพ่นในเสื้อผ้าของคุณ เช่น กระโปรง เดรส  แค่นี้เวลาเดินก็ไม่เจ็บแปล็บๆแล้ว


6.ช่วยให้เล็บแห้งเร็วขึ้น
 ไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบไปออกเดท แต่เล็บที่เพิ่งทาใหม่ๆเจ้ากรรมก็ทำให้แต่งหน้าได้ย๊ากยาก หมดปัญหาเหล่านี้ค่ะ  วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย แค่ฉีดสเปรย์ลงบนเล็บแล้วแช่ไว้ในน้ำเย็น แค่นี้เล็บก็แห้งโดยไม่ต้องไปอังพัดลม หรือ เป่าไดร์อีกแล้ว

7.รองเท้าเงาวิ๊งค์ได้
หมดเวลาของการขัดรองเท้าให้เสียเวลาแล้ว เพียงแค่ฉีดสเปรย์หนึ่งรอบถึงสองรอบ แค่นี้รองเท้าก็จะดูเงาแบบไร้เหตุผลได้ทันที

7 มี.ค. 2559

วิธีลด ถุงใต้ตา อย่างง่ายๆ

วิธีลด ถุงใต้ตา อย่างง่ายๆแม้ปัญหาถุงใต้ตาจะมีทางแก้ไข ทางที่ดีเราควรป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ โดยเริ่มจากการปฏิบัติตัวเองเสียใหม่ เช่น


1. อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ อย่าขยี้ตา หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที
2. หั่นมันฝรั่งเป็น ชิ้นเล็กๆ แล้วนำพอกบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เนื่องจากมันฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของผิวบริเวณรอบดวงตาได้
3. ใช้ถุงชาใช้แล้ว ชุบน้ำพอเปียก มาวางไว้ที่ตาก่อนนอนก็หายเช่นกัน
4. น้ำสะอาดก็ช่วยได้นะ เพราะดวงตาต้องอาศัยน้ำเป็นส่วนประกอบ และช่วยในการทำงาน หากมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพออาการแสบแดง ก็จะตามมา ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยบำรุงดวงตา และสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี
5. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนเป็นสาร ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้อย่างเห็นผล ยิ่งถ้าได้ผสานคุณค่าจาก โปร-วิตามินบี 5 ด้วยแล้ว จะช่วยให้ผิวรอบดวงตา คงความชุ่มชื้น สวยสดใสได้อย่างยาวนาน

6 มี.ค. 2559

เทคนิค เก็บตก ผิวเสีย หลัง ไดเอท

ผิวหนังแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ซึ่งมีเส้นใยอีลาสติน คอลลาเจน ที่ช่วยเพิ่มความยืดหนุ่นและความกระชับให้แก่ผิว และชั้นสุดท้ายคือชั้นใต้ผิวหนังซึ่งมีไขมันเป็นส่วนประกอบอยู่ เมื่อมีน้ำหนักตัวมากขึ้น เซลล์ไขมันในชั้นใต้ผิวหนังจะยืดขยาย ทำให้เส้นใยอีลาสตินในชั้นหนังแท้ต้องขยายตาม และหากอ้วนนานเส้นใยอีลาสตินก็จะยืดตัวถาวร ส่วนคอลลาเจนจะเรียงตัวผิดปกติจากเดิมทำให้เกิดรอยแตกลาย ด้วยเหตุนี้หากคุณ ไดเอท มากๆ ในระยะเวลาอันสั้น คือ เกินกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ อาจทำให้เกิดผิวหย่อนคล้อยเพราะผิวที่เคยยืดขยายหดตัวอย่างรวดเร็ว


หลังลดน้ำหนักผิวของคุณจะหย่อนคล้อยมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวที่ลดลงและอายุด้วย ในกรณีที่คุณยังอายุน้อยและลดน้ำหนักตัวมาก ผิวของคุณอาจหย่อนคล้อย แต่จะน้อยกว่าและฟื้นฟูสภาพผิวได้เร็วกว่าคนที่อายุมาก เพราะอายุที่มากขึ้นเป็นตัวแปรของปริมาณเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนของผิวหนังที่น้อยลงเรื่อยๆ

ผอมแบบไม่ทำร้ายผิว
ปัจจุบันมีวิธีการลดความอ้วนที่นิยมทำและส่งผลเสียต่อผิว เช่น กินยาลดความอ้วน การอดอาหาร และการตบสลายไขมัน การอดอาหารทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล เพราะไปลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง ส่วนการตบสลายไขมันที่ใช้ครีมและความร้อนจะมีผลต่อปริมาณน้ำในผิว ทำให้ผิวแห้ง เหี่ยว และในความเป็นจริงไขมันอยู่ลึกมาก การตบสลายไขมันนั้นนอกจากจะไม่สามารถกำจัดไขมันได้แล้ว ยังส่งผลให้ผิวชั้นหนังแท้และหนังกำพร้าช้ำอีกด้วย
การลดความอ้วนที่ไม่ส่งผลเสียต่อผิวนั้นน้ำหนักตัวจะต้องลดลงไม่เกิน 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี คือ ลดน้ำหนักโดยการเผาผลาญไขมันในชั้นผิวหนัง ไม่ใช่การลดน้ำหรืออาหารซึ่งอย่างหลังจะกระทบต่อปริมาณน้ำตาลภายในเลือดด้วย
วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ งดแป้ง ไขมัน และออกกำลังกายร่วมด้วย โดยเฉพาะแอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เพราะการออกกำลังกายเหล่านี้ช่วยให้เผาผลาญไขมันใต้ผิวหนังทั่วร่างกาย ส่วนการออกกำลังกายเฉพาะส่วนนั้นจะไปช่วยเผาผลาญไขมันในกล้ามเนื้อ

วิธีแก้ หย่อน ยาน ย้วย
การฟื้นฟูผิวให้กลับกระชับดังเดิมจะได้ผลแค่ไหนขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณปล่อยให้ผิวเสียด้วย ตัวอย่างเช่น ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ที่เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของผิวหนัง หากทิ้งไว้นานเกินไปก็อาจหมดสิทธิ์รักษา ถ้าเป็นระยะเริ่มต้น แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนัง และเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี อี โคเอนไซม์คิวเทน และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดี และลดปัญหาเซลลูไลท์ได้
หากผิวยากจะฟื้นฟูและทำแล้วไม่เห็นผลอาจต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่รักษาได้ลึกถึงชั้นไขมัน โดยใช้ความร้อนไปจัดการก้อนไขมันให้แตกตัว เช่น ทำเลเซอร์ การใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว ส่วนการทำคาร์บ็อกซี่จะช่วยในเรื่องเซลลูไลต์ โดยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้าไปใต้ผิวหนังจะจับตัวกับน้ำเกิดเป็นกรดคาร์บอนิกที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดเซลลูไลต์ แต่ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล
นอกจากการกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบำรุงผิวแล้ว อาจจะหยิบจับผลไม้ใกล้มือ อย่าง ส้มเขียวหวานและองุ่น มาเพิ่มความกระชับให้ผิว

5 มี.ค. 2559

เลือก น้ำหอม อย่างไรให้เหมาะกับโอกาสสำคัญ


ผู้หญิงกับน้ำหอมมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
วันไหนที่ผู้หญิงไม่ได้ฉีดน้ำหอมก็เปรียบได้เหมือนดังว่าวันนั้นลืมใส่ชุดชั้นใน น้ำหอม ทำให้เกิดการจดจำ คนจะประทับใจและจำกลิ่นหอมของผู้หญิงได้เพราะกลิ่นหอมจากตัวเธอที่สดใสเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง กลิ่นหอมสดใสของมวลดอกไม้มอบความรู้สึกสดชื่น น่าประทับใจแก่ผู้คนที่พบเจอน้ำหอมทำให้ผู้หญิงรู้สึกถึงความน่ารัก เซ็กซี่ และหรูหรา และ น้ำหอมทำให้ผู้ชายรู้สึกถึงความสูงศักดิ์ มั่งคั่ง และแข็งแรง

เลือกน้ำหอมอย่างไรให้เหมาะกับโอกาส
ในแต่ละโอกาส แต่ละสถานที่เราควรให้ความสำคัญในการเลือกสรรน้ำหอมที่เหมาะสมด้วย คุณแดนนี่ เวนทูรา ผู้เชี่ยวชาญน้ำหอมจากประเทศฝรั่งเศส มาแนะนำเราในโอกาสสำคัญๆ ดังนี้

วันทำงาน :  ชีวิตประจำวันของเราทุกคนต่างก็ต้องใช้เวลาไปกับการทำงานและเกือบทั้งชีวิตด้วย ดังนั้นเราควรสร้างความสดชื่นให้กับตัวเองและผู้ที่ต้องพบปะตลอดทั้งวัน เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น ดังนั้นกลิ่นหอมจากที่แนวสดชื่นและดอกไม้จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ โดยหลังการอาบน้ำในตอนเช้าให้ใช้โลชั่นทาผิว และควรเป็นโลชั่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับน้ำหอมที่ใช้ เพื่อจะเติมเต็มกลิ่นหอมของกันและกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หลังจากนั้นให้สเปรย์น้ำหอม 3-4 ครั้งเท่านั้นบนผิวกาย

วันออกเดท :  เป็นวันสำคัญของหญิงสาวและชายหนุ่มในการสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบ และทำให้ต่างฝ่ายได้จดจำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่ออยากพบกันอีกในครั้งต่อไปและสานความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ผู้ชายมักไม่ชอบน้ำหอมที่มีกลิ่นฉุน รุนแรง ดังนั้นควรมีการหาข้อมูลก่อนว่าอีกฝ่ายชอบดอกไม้อะไร เพื่อเราจะเลือกกลิ่นน้ำหอมได้ถูกต้อง  และอย่าฉีดให้เยอะเกินไปเพียงสเปรย์น้ำหอม 3-4 ครั้งก็เพียงพอ

วันแต่งงาน :  นับเป็นวันที่สำคัญของทั้งผู้ชายและผู้หญิงในการเลือกสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อเก็บเป็นความทรงจำของทั้งสอง และผู้ที่มาเป็นพยานรักในวันนั้น การเลือกน้ำหอมให้เหมาะสมและบ่งบอกความเป็นตนเอง หรือชุดที่สวมใส่ เพื่อให้เกิดการจดจำนั้นสำคัญ กลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ที่มอบความสุข สดใส มีชีวิตชีวา เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
สำหรับโอกาสที่ไม่สมควรที่สุดในการใช้น้ำหอมคือ ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล, ประกอบพิธีทางศาสนา, งานไว้อาลัยหรืองานศพ และไม่ควรฉีดน้ำหอมเกินไปเพราะกลิ่นอาจจะไปรบกวนคนอื่นๆ ได้ ให้นึกถึงความรู้สึกเวลาที่เราต้องอยู่ในลิฟท์กับใครที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นฉุนๆ เข้ามา

ฉีดน้ำหอมบริเวณไหนบนผิวจึงจะติดทน
แนะนำให้ฉีดน้ำหอมในบริเวณจุดชีพจรและจุดที่เน้นความเซ็กซี่ ดังต่อไปนี้ ซอกคอ, หน้าอก, เอว, ต้นขาด้านใน, ข้อมือ, ข้อพับขาและแขน และสำหรับผมให้สเปรย์น้ำหอมลงบนแปรงหวีผมแล้วจึงนำมาแปรงผม เท่านั้นก็จะสัมผัสกับกลิ่นหอมที่สดชื่นได้ทั้งวันแล้ว เพราะความร้อนจากร่างกายจะระเหยกลิ่นหอมสดใสให้ได้รู้สึกสดชื่นยาวนานตลอดวันจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน นี่ยังเป็นเคล็ดลับของการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนานอีกด้วย

1 มี.ค. 2559

อันตรายกว่ารังสี UV ก็คือ รังสีอินฟราเรด ศัตรูร้ายทำลายผิวเสีย

แสงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลก ประกอบด้วยคลื่นพลังงานแม่เหล็กหลากหลายความยาวคลื่นด้วยกัน ขณะที่แสงเดินทางผ่านเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของโลก คลื่นพลังงานบางช่วงความยาวจะถูดูดซับหรือสะท้อนกลับ โดยรังสีที่ผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก ประกอบด้วย รังสีอัลตราไวโอเลด (Ultraviolet, UV) แบ่งเป็น UVA, UVB และ UVC แต่โอโซนในบรรยากาศได้กรอง UVC ออกไป ทำให้พบเฉพาะ UVA 90% และ UVB เท่านั้นบนพื้นผิวโลก, แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และ รังสีอินฟราเรด (Infrared) 


รังสีอินฟราเรดคืออะไร
       รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ เป็นรังสีที่มีแหล่งกำเนิดมาจากความร้อน รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยแต่ให้ความร้อนสูง จึงมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า คลื่นความร้อน โดยเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่เมื่อรับสัมผัสรังสีเราจะรับรู้ได้ด้วยความร้อน สำหรับรังสีอินฟราเรดนั้นมีความยาวคลื่นอยู่ ในช่วง 0.75 ไมโครเมตร- 1 มิลลิเมตร เป็นคลื่นที่มีความยาวคลื่นที่ยาวกว่าแสงสีแดงที่ตาสามารถมองเห็นได้ แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรารู้สึกร้อนจากแสงแดด หรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น  
รังสีอินฟราเรด สามารถแบ่งช่วงความยาวคลื่นได้เป็น 3 ช่วงคือ

1. รังสีอินฟราเรดคลื่นสั้น (Near Infrared; IR-A) มีความยาวคลื่นประมาณ 0.75 ไมโครเมตรจนถึง 1.5 ไมโครเมตร มักจะประยุกต์ใช้ในงานถ่ายภาพความร้อน และถือเป็นช่วงรังสีที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกที่สุด ใน 3 ช่วงความยาวคลื่นนี้

2. รังสีอินฟราเรดคลื่นกลาง (Medium Infrared; IR-B) มีความยาวคลื่นประมาณ 1.5 ไมโครเมตรจนถึง 5.6 ไมโครเมตร โดยมักประยุกต์ใช้กับระบบนาวิถีของจรวด Missile 

3. รังสีอินฟราเรดคลื่นยาว (Far Infrared; IR-C) มีความยาวคลื่นประมาณ 5.6 ไมโครเมตรขึ้นไป รังสีในช่วงคลื่นยาวนี้จะมีพลังงานความร้อนไม่มากนัก จึงนิยมใช้ในการบำบัดผู้ป่วย เช่น อาการปวดเมื่อยเรื้อรัง และผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิต เป็นต้น

รังสีอินฟราเรดส่งผลเสียอะไรต่อผิวของเราบ้าง
• ปัญหาผิวหมองคล้ำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, การสร้างเม็ดสีผิดปกติ
• ปัญหาริ้วรอย เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย 
• ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น 
• มะเร็งผิวหนัง


     รังสีอินฟราเรดจัดเป็นรังสีที่อยู่ใกล้ตัวเรา และเราสัมผัสอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว จากที่ทราบกันดีแล้วว่ารังสีอินฟราเรดจะแสดงออกมาในรูปแบบของความร้อน เมื่อเรารู้สึกร้อนเวลาโดนแสงแดดหรือเวลาเราอยู่ใกล้ไฟ นั่นเท่ากับว่าเราสัมผัสกับรังสีอินฟราเรดได้ แม้ว่าตาเราจะไม่สามารถมองเห็นรังสีอินฟราเรดได้ก็ตาม ไม่เพียงแต่รังสีจากแสงแดดเท่านั้น ในชีวิตประจำวันเราทุกคนสัมผัสรังสีอินฟราเรดได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกมากมาย อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ หลอดไฟชนิดทังสเตน Gadgets เตาอบ ไดร์เป่าผม เป็นต้น
      แสงอาทิตย์ที่มีรังสีผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงแต่อันตรายของรังสี UVA และ UVB “แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่า 54% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลกคือ รังสีอินฟราเรด” เกินกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลกเป็นรังสีอินฟราเรด  ที่เหลือจะเป็น Visible Light ประมาณ 39% ส่วนรังสี UVA และ รังสี UVB มีเพียง 7% เท่านั้น
     รังสีอินฟราเรด เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยแต่ให้ความร้อนสูง แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรารู้สึกร้อนจากแสงแดด หรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น ผิวหนังที่สัมผัสรังสีอินฟราเรดติดต่อกันเป็นเวลานาน จะสะสมเกิดความเสียหายและผลร้ายต่อผิวหนัง ได้แก่ ริ้วรอยลึก เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงเกิดความหมองคล้ำ และที่น่ากลัวสุดคือ มะเร็งผิวหนัง
      ควรเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์กันแดด ที่มีค่าการปกป้องสูง ซึ่งไม่เพียงแต่ป้องกันรังสียูวี แต่สามารถปกป้องได้ครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรดได้ด้วย ก็จะทำให้ผิวของเราได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวช่วยง่าย ๆ แต่สำคัญมาก สำหรับการปกป้องผิวเราให้แกร่งสู้แดดและริ้วรอยลึกก่อนวัย