31 ม.ค. 2559

5 วิธี ฝึกเขียนให้ไว เป๊ะได้ทุกวัน

การเขียนคิ้วให้สวยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝึกเขียนมาประมาณหนึ่งถึงจะอยู่ตัวแล้วทำคล่องขึ้น โดยเฉพาะสาวๆที่เพิ่งหัดเขียนคิ้ว ยังไม่รู้เลยว่ารูปหน้าตัวเองเหมาะกับคิ้วทรงอะไร หนักใจแท้! แต่ช้าก่อน! วันนี้คุณจะหายกลุ้ม เพราะเราได้นำวิธีการเขียนคิ้วถึง 5 แบบ มาฝากกัน รับรองง่าย อธิบายชัดเจน ทำตามสวยแน่นอน

แบบที่ 1 (คิ้วหนาเด็ก ค่อนข้างหนา)



1 วาดโครงโดยการวาดเส้นเดี่ยวๆที่แนวขนคิ้วด้านล่าง
2 วาดหางหักลงบรรจบปลายหางที่เราวาดเส้นแรก
3 วาดเป็นเส้นลางๆที่ไรคิ้วด้านบน
4 ถมให้เต็ม
5 ใช้แปรงเกลี่ยสีให้กระจาย เก็บรายละเอียดตรงขอบเส้น
6 คิ้วที่เราเขียนเสร็จแล้ว


แบบที่ 2

1 คิ้วโล่งๆที่ยังไม่เขียน
2 วาดเส้นด้านล่างไปตามแนวขนคิ้วให้โค้ง
3 วาดเส้นด้านบนตรงไรขนให้บางๆไม่ต้องหนักมือ
4 ถมให้เต็ม
5 เกลี่ยสีให้กระจาย
6 คิ้วที่เขียนเสร็จ


แบบที่ 3 (เส้นไม่หนา)

1 คิ้วที่ยังไม่เขียน
2 เขียนเส้นให้ชิดขนคิ้วด้านล่างให้มากที่สุด
3 เขียนคิ้วด้านบนลางๆ
4 ถมให้เต็ม
5 ใช้แปรงเกลี่ยสีให้กระจาย
6 คิ้วที่เขียนเสร็จแล้ว


แบบที่ 4 (คิวดาบ สไตล์เกาหลี)

1 คิ้วที่ยังไม่เขียน
2 วาดเส้นด้านล่างให้เป็นเส้นตรงชี้ขึ้นพอประมาณ
3 เขียนเส้นลางๆที่ไรคิ้วด้านบนแล้วยาวไปเกือบสุดแล้วหักมุมลงตรงเกือบปลายหางคิ้ว
4 ถมให้เต็ม
5 เกลี่ยสีให้กระจาย
6 คิ้วที่เขียนเสร็จเรียบร้อย


แบบที่ 5 DRAMATIC QUEEN (คมชัด)

1 วาดเส้นด้านล่างให้โค้งและยาวออกไป
2 วาดเส้นด้านบนลางๆแล้วหักมุม ลากยาวไปบรรจบกับหาง
3 ถมให้เต็ม
4 ทารองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่ขอบคิ้วทั้งบนและล่างเพื่อเก็บรายละเอียดให้คมกริ้บ
5 ใช้แปรงเกลี่ยให้กลืนไปกับผิวรอบๆ
6 คิ้วที่เขียนเสร็จแล้ว


ลองฝึกเขียนดูนะครับ และพิจารณาด้วยว่าจาก 5 แบบนี้คุณเหมาะกับรูปคิ้วแบบไหนที่สุด ฝึกจนโปร แล้วคุณจะออกนอกบ้านด้วยคิ้วเป๊ะแน่นอน!! เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^


28 ม.ค. 2559

เทคนิคทาลิปสติก รูปตัว X

        สาวๆคงคิดว่าทำไมเราถึงต้องวาดรูปตัว X ที่ริมฝีปากบนด้วย? หลายคนคงแอบสงสัยอยู่ในใจ การทาลิปสติกสีแดง หรือ ลิปสติกเนื้อแมท ทาปุ๊บ!! แห้งปั๊บ!! ถ้าอยากทาให้สวยเป๊ะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรามีวิธีทาลิปสติกแบบง่ายๆที่คุณต้องลอง!! ไอเท็มที่ต้องเตรียม คือ ลิปไลเนอร์ และ ลิปสติกสีเดียวกัน
         เริ่มจากใช้ลิปไลเนอร์วาดเป็นมุมทะแยงบริเวณร่องปากให้เป็นรูป X แล้วค่อยๆวาดขอบปากบนและขอบปากล่าง โดยริมฝีปากล่างให้วาดจากมุมปากทั้งสองข้างแล้วมาบรรจบกันตรงกลาง จากนั้นก็มาเริ่มทาลิปสติกกันเลย เริ่มต้นที่ตรงจุด X ปาดลิปสติกลงมาทั้งซ้ายและขวา สุดท้ายทาลิปสติกที่ริมฝีปากล่างให้อวบอิ่ม แค่นี้ริมฝีปากก็สวยเป๊ะ!!!


เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^

27 ม.ค. 2559

ถ้าบ้านคุณมีแอร์สักตัว แล้วทำแบบนี้ มันจะช่วยลดความหนาวได้


ปกติแล้ว ทิมมี่จะไม่ค่อยได้ปรับแอร์ที่บ้านเลย แต่มีคืนหนึ่งต้องตื่นมาเพราะห้องมันร้อนขึ้นจนคอแห้ง แล้วพบว่าเรานอนไปทับรีโมต ทำให้ปุ่มเคลื่อนเป็นโหมดดราย dry ก็เลยติดตั้งรีโมตไว้ที่กำแพงห้องเลย

แต่นั่นทำให้คิดได้ว่า อากาศหนาวที่กำลังทำร้ายตอนนี้ก็น่าจะลองปรับใช้โหมดดรายได้

ลองทำแล้วก็พบว่า มันช่วยได้จริงๆ ให้ตั้งไว้ที่อุณหภูมิปกติ 27 องศา เลยครับ

ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมอธิบายเรื่องโหมดดรายนี้ว่า

แอร์ทั่วไปผู้ผลิตแอร์ในปัจจุบัน ได้ใส่โหมดการทำงานพื้นฐานมาให้ โดยโหมดการทำงานที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกันราวๆ 4 โหมดการทำงาน ได้แก่ โหมด Auto, Cool, Fan, Dry และในแอร์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นที่มาพร้อมด้วยฟังชั่นเสริมมากมาย ก็อาจจะมีอีกหนึ่งโหมดการทำงานเพิ่มเข้ามานั่นก็คือโหมด Heat

โหมด Dry

โหมดการทำงานแบบ Dry หรือโหมดลดความชื้น ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์รูปหยดน้ำ โดยเมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Dry ผู้ใช้งานจะไม่สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ เมื่ออยู่ในโหมดลดความชื้น และแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ โดยใช้การควบแน่นของความชื้นในอากาศที่เกิดขึ้นบนแผงอีวาปอเรเตอร์หรือแผงทำความเย็น เพราะโดยหลักการพื้นฐานที่แอร์ใช้ทำความเย็น ใช้สารทำความเย็นในระบบที่ถูกทำให้ไหลไปตามท่อเพื่อให้มันเป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน ซึ่งนี่จึงทำให้แผงที่บริเวณที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นจะมีอุณหภูมิต่ำมาก จนความชื้นในอากาศพากันมาควบแน่นและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ไหลออกไปตามท่อน้ำทิ้ง

และเมื่อแอร์ถูกกำหนดให้ทำงานในโหมดลดความชื้น แม้ว่าคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในชุดที่ติดตั้งอยู่นอกอาคารยังคงทำงานอยู่ แต่พัดลมที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นอาจจะมีการทำงานสลับกับการหยุดทำงานเป็นช่วงๆ เพื่อเป็นการดึงความชื้นในอากาศให้ถูกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำให้ได้มากที่สุด และนำเอานำที่กลั่นตัวจากความชื้นปล่อยทิ้งออกมาทางท่อน้ำทิ้ง

โหมดลดความชื้นนี้หากไม่ได้ใช้งานในห้อง ที่ต้องการควบคุมความชื้นโดยเฉพาะก็ถือว่าไม่จำเป็นสักเท่าไหร่กับการใช้ในบ้านทั่วๆไป


โหมด DRY (ควบคุมความชื้น) แอร์จะทำหน้าที่รีดความชื้นในอากาศออกให้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ เหมาะสำหรับตอนฝนตกอากาศหนาวเย็น

โหมด COOL (ควบคุมอุณหภูมิ) แอร์จะตัดต่อตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ หากอุณหภูมิต่ำกว่ามันก็จะไม่ทำงาน (ไม่ทำความเย็นและไม่รีดความชื้น มีแต่พัดลม) เหมาะสำหรับตอนอากาศร้อน



ทั้งนี้ เจ้าโหมดดรายยังเหมาะสมกับคนเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยนะ

เปิดแอร์โหมดDRY เหมาะกับคนเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ครับ?
> หากควบคุมความชื้นได้เหมาะสม ก็เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ครับ

ความชื้นมากไปก็จามน้ำมูกไหล ถ้าความชื้นน้อยไปก็แสบจมูก

ประหยัดไฟกว่าด้วย??

โหมด cool แอร์จะทำสร้างน้ำยาส่งให้คอยล์เย็น พร้อมกับเป่าลมออก 
ลมที่ดูดกลับเข้ามา ก็เอามาวัดอุณหภูมิดู .. ถึงจุดที่ต้องการก็ตัด

แต่โหมด dry .. จะวัดอุณหภูมิที่ตัวครีบของคอยล์เย็น 
เทียบกับอุณหภูมิอากาศ 
เอาไปคำนวนหาความชื้น

ความชื้นในอากาศถูกคอยล์เย็น ก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ไหลออกไป

ประหยัดไฟกว่าโหมด cool แน่นอน
เพราะไม่ต้องดูดอากาศร้อนๆ เข้ามาหล่อเย็น ก่อนเป่าออกไป


เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^

ข้อต่อในร่างกาย

ข้อต่อในร่างกายมีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นทั้งอวัยวะสำคัญที่กำหนดการเคลื่อนไหวของร่างกายทุกส่วน ช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นไปอย่างสมดุลและกำหนดสมรรถภาพในร่างกายของคุณอยู่ในระดับไหน ไม่ว่าคุณจะเดิน วิ่ง หรือเล่นกีฬา
วันนี้คุณได้ดูแลข้อต่อของคุณได้ดีเพียงพอหรือยังคะ? เพราะทุกอวัยวะในร่างกายเรานั้นเสื่อมลงไปทุกวันไม่เว้นกระทั่งข้อต่อนะคะ  วันนี้เรามาดูปัจจัยเสี่ยงกับโรคข้อเสื่อมกันค่ะ ใครบ้างนะที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ มาดูกันเลย􀀅

􀂲 อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ปัจจุบันอุบัติการณ์ในคนอายุ 40 ปีขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ

􀂲 มีคนในครอบครัวเป็นโรคข้อเสื่อม

􀂲 ช่วงอายุต่ำกว่า 45 ปี ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  หลัง 45 ปี ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

􀂲 มีประวัติบาดเจ็บข้อต่อหรือกระดูกหักมาก่อน

􀂲 น้ำหนักมากเกิน อ้วน

􀂲 ขาดสารอาหารเนื่องจากลดน้ำหนักนานๆ

􀂲 โครงสร้างร่างกายมีความผิดปกติเช่น ข้อเท้า ข้อเข่า มีความผิดรูป

􀂲 ขาดการออกกำลังกายร่างกายมีการอักเสบเรื้อรังหรือโรคเรื้อรัง

􀂲 ออกกำลังกายผิดๆ เล่นมากเกินไปหรือนานเกินไป

􀂲 ผู้ที่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ

หากคุณอยู่ในปัจจัยเสี่ยงกับโรคข้อเสื่อมเหล่านี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมหันมาใส่ใจสุขภาพข้อต่อให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยการเลือกรับประทานอาหาร เลือกออกกำลังกาย หรือระมัดระวังการเคลื่อนไหวข้อต่อของคุณให้มากขึ้นนะครับ เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^




26 ม.ค. 2559

ระวัง!! อาจตายไม่รู้ตัว หากคุณอาบน้ำด้วย 6 วิธีนี้!!

ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีการรายงานเรื่องราวของ นายหลิว เป็นผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วน เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา มีอากาศร้อนจัดอุณหภูมิประมาณ 38 องศา หลังจากเลิกงานกลับบ้าน เหงื่อท่วมตัว รีบเปลี่ยนผ้าอาบน้ำ เขาตักน้ำเย็นๆเทราดลงมาตั้งแต่หัวถึงเท้า พอตกช่วงค่ำเขาเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของเขาทำงานผิดปกติ ทุกคนในครอบครัวคิดว่าเขาทำงานกลางแดดมาทั้งวันอาจจะเพลีย ปล่อยให้นอนพักก็คงจะหาย แต่อาการเริ่มแย่ลงเขายิ่งเจ็บที่หน้าอกมากยิ่งขึ้นจึงรีบส่งโรงพยาล ตรวจพบว่า นายหลิวมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย หลอดเลือดอุดตัน ทางแพทย์พยายามช่วยชีวิตแต่ก็สายเกินไปแล้ว
หมอบอกว่า น้ำเย็นเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน ถึงแม้อากาศร้อนก็เกิดขึ้นได้ อาการของกล้ามเนื้อหัวใจมักจะพบมากในฤดูหนาว ฤดูร้อนก็มีโอกาสเป็นได้การอาบน้ำด้วยน้ำเย็นอย่างกะทันหัน ไม่เพียงแต่ว่าหลอดเลือดหดตัวแล้วความดันต่ำลงอีกด้วย และในบางครั้งเป็นเหตุให้หลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน หลอดเลือดแตก หรืออุดตัน และทำให้เกิดหัวใจวายกะทันหัน ถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้



พฤติกรรมเสี่ยงที่ไม่เหมาะกับการอาบน้ำ
1.เมื่อความดันลดลงต่ำ
อุณหภูมิน้ำจะสูงกว่าอุณหภูมิร่างกาย อาบน้ำอุ่นหลอดเลือดขยายตัว คนที่มีอาการความดันต่ำ เลือดจะไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต

2.ผู้หญิงที่สุขภาพไม่แข็งแรง
ผู้หญิงสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่ควรจะอาบน้ำเย็น ภูมิต้านทานต่ำ เมื่ออาบน้ำเย็นจะทำให้เป็นหวัดได้ง่ายขึ้น

3.หลังกินเหล้า
แอลกอฮอล์ยับยั้งการทำงานของตับและปล่อยกลูโคสออกมาสู่กระแสเลือด เวลาอาบน้ำร่างกายจะต้องการกลูโคสมากฉะนั้นไม่ควรอาบน้ำหลังกินเหล้าเสร็จ เพราะจะทำให้เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืดตาลาย ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง

4.หลังออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆไม่ควรอาบน้ำทันที
ไม่ว่าเป็นการออกกำลังทางร่างกายเอง หรือ แม้แต่สมอง ต้องนั่งพักก่อน มิเช่นนั้นจะเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่เพียงพอ และจะทำให้คุณเป็นลมหมดสติได้

5.เมื่อมีอาการไข้
อุณหภูมิในร่างกายสูงถึง 38 ℃ การเผาผลาญในร่างกายเพิ่มขึ้น 20% ในตอนนั้นร่างกายอ่อนแอ จึงไม่ควรอาบน้ำ

6.ทานอาหารเสร็จใหม่ๆไม่ควรอาบน้ำทันที
เลือดจะไปเลี้ยงระบบย่อยอาหารเป็นส่วนใหญ่ เมื่ออาบน้ำทันทีเลือดต้องแบ่งไปเลี้ยงส่วนอื่นทำให้ระบบย่อยทำงานได้ไม่เต็มที่

เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^

5 เหตุผล เตือนสติให้ผู้หญิงควรหยุด สูบบุหรี่

   เหตุผลในการสูบบุหรี่ของผู้หญิงมีมากมายแตกต่างกันออกไป แต่เหตุผลสำคัญที่อยากให้เลิกสูบบุหรี่ คงมีอยู่เรื่องเดียว ซึ่งนั่นก็คือผลกระทบ ที่จะเกิดกับร่างกายและสุขภาพของคุณอย่างจริงจังและร้ายแรง เริ่มต้นวันนี้ยังไม่สายนะครับ ท่องไว้เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง !!


 1. เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากโรคมะเร็ง มะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ เช่นเดียวกับผู้ชายแล้ว ยังมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น กว่าคนทั่วไปที่ไม่สูบถึง 4 เท่า และที่น่าเศร้าไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะไม่ได้สูบบุหรี่เองโดยตรง แต่ก็มีโอกาสเกิดโรคเหล่านี้ได้เช่นกัน จากการที่ได้รับควันบุหรี่ที่แฟนหรือสามีเป็นคนสูบ

2. ลดอัตราการตายของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนขณะที่ทำคลอด ได้มากถึง 10%

3. รอบเดือนมาไม่ปกติ และมีบุตรยาก ที่สำคัญประจำเดือนจะหมดเร็วกว่าปกติประมาณ 2 ปี ซึ่งมีผลโดยตรงต่อภาวะกระดูกผุ หรือเปราะมากขึ้นเมื่อมีอายุสูงขึ้น ทำให้กระดูกเชิงกรานหักง่ายเมื่อหกล้ม

4. ริ้วรอยบนใบหน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยมากกว่า 10 ปี และมักจะมีผิวสีหมองคล้ำ เป็นรอยตีนกาที่หางตา และเป็นร่องรอยเหี่ยวย่นที่มุมปาก ริมผีปากคล้ำ เพราะนิโคตินในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดฝอยทั่วร่างกายหดตัวตลอดเวลา

5. เกิดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันหรือหัวใจวายสูง ในผู้หญิงที่ สูบบุหรี่ และกินคุมกำเนิดเป็นประจำ โดยจะมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไปที่ไม่สูบบุหรี่และไม่คุมกำเนิดถึง 39 เท่า

เป็นห่วงคุณสาวๆทุกคนนะครับ ^.^

25 ม.ค. 2559

10 เคล็ดลับผิวสวย รับลมหนาว

  หน้าหนาวอีกแล้ว…ผิวแห้งจังเลย สาวๆ คงหน้าลอก หน้าแห้ง กันเป็นแถบๆ วันนี้ผมมีวิธีแก้ปัญหาสำหรับสาวหน้าแห้ง สาวหน้าแห้งได้เปรียบตรงที่หน้าจะไม่ค่อยมันเท่าไร แต่เสียเปรียบตรงที่หน้าจะมีริ้วรอยได้ง่าย เพราะว่าเกิดจากการที่ผิวเราขาดความชุ่มชื้นผิวแห้งจึงมีริ้วรอยได้ง่ายมากกว่าสาวผิวมัน ดังนั้นถ้าไม่อยากหน้าแก่หรือมีริ้วรอยก่อนวัยก็ต้องบำรุงเยอะๆ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ที่แนะนำแล้วผิวจะใสเด้งเองครับ



1.หน้าหนาวแบบนี้หลายคนคงอาบน้ำอุ่น ก็มันหนาวจะให้ทำไง ถ้าไม่อยากผิวแห้งก็ต้องทนอาบน้ำเย็นค่ะ คนผิวแห้งอย่างเราไม่ควรอาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวยิ่งแห้งมากขึ้น

2.ทาครีมบำรุงเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง เพราะอากาศจะดึงความชุ่มชื้นจากผิวของเราไปหมด เกราะป้องกันด้านแรกคือทาครีมบำรุงเข้าไปเยอะๆครับ

3.สบู่ ต้องเลือกสบู่ที่ไม่มีความเป็นกรดเยอะๆ เช่น สบู่มะขาม ควรใช้สบู่ที่มีสารเคลือบผิว พวกมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวจะได้ไม่แห้งหลังจากอาบน้ำ

4.ล้างหน้า ควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจะดีกว่าน้ำอุ่น อย่าใช้สบู่ล้างหน้าเพราะจะทำให้ผิวแห้งยิ่งกว่าเดิม

5.ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะอากาศหนาวเราจะเสียความชุ่มชื้นจากผิวมากเป็นพิเศษ วิธีที่ดีคือใช้วิธีจิบน้ำบ่อยๆ เพราะผิวจะได้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา

6.สาวๆห้องแอร์ ยิ่งต้องบำรุงผิวให้มากขึ้น ต้องทาครีมบำรุงเสมอ

7.ทานผลไม้ที่มีวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะทำให้ผิวหน้าเรารู้สึกสดชื่นขึ้น

8.ริมฝีปากแห้งเป็นขุย สาวๆก็ควรมีวาสลีนทาปากพกติดตัวไว้ตลอดก็ดี

9.ควรงดการอบซาวน่า การขัด หรือลอกผิว เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองมากยิ่งขึ้น

10. ทาครีมให้ได้ผลที่สุดก็คือ ช่วง 3 นาทีแรกหลังจากอาบน้ำเพราะผิวเรายังหมาดๆ พอทาแล้วเราจะรู้สึกได้ในทันทีว่าผิวอ่อนนุ่มและชุ่มชื้น กว่าตอนที่ทาผิวแห้งๆอีก ที่สำคัญไม่เปลืองด้วยครับ


เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^

24 ม.ค. 2559

วิธีรักษาตะคริวขึ้นขาตอนนอนหลับ


นอนหลับอยู่ดีๆ กลางดึก อยู่ๆ น่องก็ปวดตึง เป็นตะคริวขึ้นมาเฉยเลย บางครั้งก็เป็นตะคริวที่ต้นขา หรือที่เท้า มักจะเป็นตอนเพิ่งหลับไปไม่นาน หรือเพิ่งตื่นนอน เป็นได้ยังไงกันเนี่ย

สาเหตุของการเป็นตะคริวที่ขาตอนนอน
ที่สบายใจได้อย่างนึงก็คือ อาการนี้ไม่ใช่อาการของโรคใดๆ ที่ร้ายแรงหรือต้องการการรักษา สาเหตุที่อาจจะทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอาการนี้ ได้แก่

• ออกกำลังกายมากเกินไป หรือมีการใช้กล้ามเนื้อขามากเกินไป
• ยืนหรือนั่งเป็นเวลานอน
• มีความผิดปกติของเกลือแร่ ได้รับโพแทสเซียม แคลเซียมไม่เพียงพอ
• ภาวะขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อยเกินไป หรือเสียเหงื่อมากเกินไป
• ทานยาบางชนิด เช่น ยาทางจิตเวช ยาคุมกำเนิด ยาขับปัสสาวะ ยาลดไขมัน สเตียรอยด์
• คนที่มีเท้าแบน flat feet
• คนที่เป็นโรคไทรอยด์
จะป้องกันตะคริวที่ขาขณะนอนได้อย่างไร?
ถ้าหากว่าเกิดมีอาการตะคริวขึ้นมา สิ่งที่คุณจะทำได้เพื่อลดอาการอาจจะลองทำตามข้อใดข้อหนึ่งที่ได้ผลกับคุณ

• ยืดกล้ามเนื้อที่น่อง
• ลุกขึ้นมาพยายามเดิน
• แช่น้ำอุ่น หรืออาบน้ำอุ่น และนวดที่กล้ามเนื้อน่อง

ลองเทคนิคเหล่านี้ในการป้องกันดู

• ในระหว่างวันดื่มน้ำให้มากเพียงพอ คือวันละ 8-10 แก้ว
• หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และงดแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้คุณมีการเสียน้ำมากกว่าปกติ เกิดภาวะขาดน้ำได้
• เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ มีเกลือแร่  calcium, potassium, และ  magnesium เช่น นมสด0% กล้วยหอม บล็อคเคอรี่ ถั่วอัลมอนต์ โยเกิร์ต ผักโขม
• ลองออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานเพื่อฝึกกล้ามเนื้อ
• ยืดกล้ามเนื้อน่อง และขา ก่อนนอนเป็นประจำ

ถ้าหากว่าคุณทานยาที่อาจจะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ลองปรึกษาแพทย์เพื่อปรับหรือเปลี่ยนยา
ในกรณีที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังมีอาการบ่อย ๆ สามารถพบแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาที่จะทำให้มีการคลายกล้ามเนื้อและลดการทำงานของเส้นประสาทได้

เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^

22 ม.ค. 2559

สาระน่ารู้ต้นไม้ไล่ยุง


ช่วงนี้ไข้เลือดออกกำลังระบาด มาดู10 ต้นไม้ไล่ยุง ปลูกติดบ้านไว้ก่อน ปลอดภัย

 1. ตะไคร้หอม


พืชชนิดนี้มีกลิ่นเป็นอาวุธ เมื่อยุงได้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของตะไคร้มันก็มักจะทนไม่ได้เสมอ ทั้งนี้ก็เพราะยุงไม่ถูกกับน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในตะไคร้นั่นเอง และเพราะตะไคร้เป็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยสูงมากนัก ปลูกง่าย ขยายพันธุ์สะดวก การปลูกตะไคร้ใส่กระถางแล้ววางไว้ริมระเบียงหรือสวนในบ้าน ก็น่าจะช่วยป้องกันเจ้ายุงร้ายให้มันอพยพหนีออกไปได้เป็นอย่างดี

  2. แคทนิป หรือ กัญชาแมว


ต้นไม้ชนิดนี้เป็นพืชตระกูลเดียวกับสะระแหน่ ต้นกัญชาแมวสามารถขยายพันธุ์ง่าย ๆ ด้วยการเพาะเมล็ดในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึง ซึ่งเมื่อต้นไม้ชนิดนี้เตอบโต สารเนเปทาแลคโตน (Nepetalactone) ที่อยู่ในกัญชาแมวจะทำให้น้องแมวมีความสุขคล้ายกับสารเสพติด และยังเป็นสารช่วยป้องกันยุงและแมลงที่ได้ผลมากกว่ายาฆ่าแมลงซะอีก ที่สำคัญคือไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ด้วย

 3. โหระพา


บ้านไหนชอบทำอาหารแนะนำให้ปลูกโหระพาเลยค่ะ เพราะนอกจากจะนำมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารรสจัดจ้านได้แล้ว โหระพายังช่วยป้องกันยุงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย กลิ่นหอมเฉพาะตัวของโหระพาจะส่งผลเสียต่อยุงและแมลง และเมื่อพวกมันไม่สามารถทนทานต่อกลิ่นฉุนของโหระพาได้ มันก็จะเข้ามาทำร้ายเราได้ยากขึ้นในที่สุด

 4. สะระแหน่


อีกหนึ่งพืชผักสวนครัวตัวดีที่ยุงเห็นแล้วต้องส่ายหน้าก็คือ “สะระแหน่” เพราะภายในใบสะระแหน่จะมีน้ำมันหอมระเหยที่ยุงไม่ชอบเอามาก ๆเลย  หากใครต้องการกันยุง ให้นำใบสะระแหน่มาขยี้แล้วทาลงบนผิวโดยตรงได้เลย รับรองว่ายุงขยาดแน่นอน

5. กระเทียม


เพราะกระเทียมมีฤทธิ์เป็นเบสต่อการทำอาหารแทบทุกชนิด และกลิ่นของกระเทียมก็รุนแรงจนช่วยกันยุงไม่ให้บินเข้ามาหาเราได้ง่ายๆ การปลูกกระเทียมจึงเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่อยากมีสุขภาพดี เพราะนอกจากจะกับยุงได้แล้ว การรับประทานกระเทียมยังช่วยความคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้อีกด้วยนะ

6. เจอเรเนียม


หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อดอกไม้ชนิดนี้ในโฆษณาสินค้าบางประเภท และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำมันหอมระเหยของดอกเจอเรเนียมจะมีกลิ่นคล้ายเลมอน ซึ่งเมื่อฟุ้งกระจายออกไปในอากาศแล้ว ก็จะช่วยไล่ยุงในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี เพราะเช่นนั้นถึงได้มีคนเอากลิ่นของดอกไม้ชนิดนี้ไปเสริมแต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์บางประเภทนั่นเอง

 7. มะกรูด


ใครๆก็เอามะกรูดไปหมักผม แต่นอกจากความสามารถในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะแล้ว มะกรูดก็ยังใช้ไล่ยุงได้เป็นอย่างดีด้วย ทั้งนี้เพราะน้ำมันหอมระเหยในมะกรูดจะช่วยส่งกลิ่นฉุนไปรบกวนและป้องกันยุงไม่ให้บินเข้ามายุ่งในบ้านได้นั่นเอง

 8. มอสซี่ บัสเตอร์


เป็นผลพวงจากการผสมพันธุ์ระหว่างเจอเรเนียมและตะไคร้หอม ทำให้มีลักษณะใบหยักคล้ายเจอเรเนียม และสามารถส่งกลิ่นคล้ายกลิ่นตะไคร้หอม ซึ่งมีฤทธิ์ไล่ยุงได้ไกลถึง 9 เมตร แนะนำให้ปลูกไว้ที่ริมรั้วที่ห่างจากตัวบ้านสักหน่อย เพราะในขณะที่กำลังเจริญเติบโตและมีขนาดเล็กมันจะมีสารที่ดึงดูดยุง แต่เมื่อมันโตเต็มที่ สารนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสารไล่ยุงแทน

 9. หม้อข้าวหม้อแกงลิง


พืชชนิดนี้เป็นไม้เลื้อยชนิดกินเนื้อที่จะกินเฉพาะแมลงเท่านั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับรูปร่างลิง ภายในเป็นหม้อที่มีของเหลวไว้ล่อแมลง และค่อยกลืนแมลงลงไปอย่างช้า ๆ คราวนี้ไม่ว่าจะยุงหรือแมลงไหน ๆ ที่บินมาติดกับก็จะโดนงับจนหายหมดสิ้น

 10. จิงจูฉ่าย


ต้นจิงจูฉ่าย ถูกรู้จักกันดีในนามของสมุนไพรจีนต้านมะเร็ง แต่นอกจากการเป็นต้นไม้รักษาโรคแล้ว ต้นไม้ชนิดนี้ยังเป็นต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมที่ยุงไม่ชอบและไม่กล้าบินเข้ามาใกล้ด้วย เมื่อนำมาบดขยี้แล้วทาที่ผิวหนัง ก็จะสามารถกันยุงได้เป็นอย่างดี

รักและเป็นห่วงทุกคนนะครับ ^-^

20 ม.ค. 2559

ดูปริมาณน้ำตาลของเครื่องดื่มต่างๆ










เข้าร้านสะดวกซื้อทีไรเป็นต้องหยิบไม่ว่าจะเป็นแบบสดหรือแบบกล่องก็ไม่ควรจะทานนะครับ ‪ถ้าคุณกำลังลดไขมันอยู่ยิ่งไม่ควรกิน‬สำหรับผมมันคือ "น้ำตาลที่มีกากและมีวิตามินผสมนิดหน่อย"กินข้าว กินนิวทริไลท์ กินน้ำเปล่า กินผัก ดีกว่าครับ เลี่ยงพวกของมันของทอด งดน้ำอัดลม งดน้ำตาลแล้วไปออกกำลังกายดีที่สุดครับอย่าอดข้าวแล้วทานแต่น้ำผลไม้ ข้าวมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น กินไปเถอะ อดอาหารแล้วกินแต่น้ำผลไม้มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเลยจริงๆนะกินน่ะกินได้ แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่กินทั้งวัน กินทุกวัน
ทุกครั้งที่จะซื้อสินค้าพวกนี้ก็ให้นึกถือปริมาณน้ำตาลที่ผสมอยู่ด้วยนะครับ ด้วยความเป็นห่วง ^_^

เวลาที่ดีที่สุดในการสระผม


สำหรับสาวๆที่รักการดูแลผม รู้มั้ย? ว่าควรสระผมตอนเช้าหรือเย็น มาดูคำตอบกัน
รู้มั้ยว่าควรสระผมตอนเช้าหรือเย็น มาดูคำตอบกัน


ช่วงกลางวันทำงานยุ่งๆ คนส่วนใหญ่จึงชอบสระผมตอนกลางคืนหรือตอนรุ่งเช้าก่อนออกไปทำงาน  งั้นควรสระผมตอนเช้าดี หรือตอนกลางคืนดีล่ะ ? การสระผมใช่ว่าจะสระแบบขอไปทีก็ได้นะ! วันนี้จะมาแบ่งปันข้อมูลสำคัญในการสระผม  8 ข้อด้านล่าง ตั้งใจอ่านดีดีล่ะ!

1. เวลาที่ดีที่สุดในการสระผมคือตอนสามทุ่ม


เพราะเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง เป็นช่วงการฟื้นฟูของเซลล์หนังศีรษะ ดังนั้นตั้งแต่เวลาบ่ายโมงถึงสี่ทุ่มจะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการสระผม ในขณะที่ช่วงที่ไม่เหมาะที่สุดสำหรับการสระผมก็คือ หลังจากสี่ทุ่มถึงกลางวัน เพราะเป็นช่วงการผ่อนคลายของหนังศีรษะและไม่ควรได้รับการกระตุ้น

2. เป่าผมให้แห้งก่อนค่อยนอน


การนอนหลับโดยที่ผมยังเปียกอยู่อันตรายมาก เช่น อาจเป็นหวัดได้ง่าย หนังกำพร้าได้รับความเสียหายง่าย ผมร่วงมากขึ้น ผมเสียง่าย เป็นต้น

3. อย่าหวีผมที่ยังเปียกอยู่


เพิ่งสระผมเสร็จ  หนังกำพร้ายังคงอยู่เปิดอยู่ หากในเวลานี้หวีผมหลายๆครั้ง จะทำให้หนังกำพร้าได้รับความเสียหาย และทำให้ผมกรอบแห้งมากหลังจากผมไม่เปียกแล้ว

4. อย่าใช้เล็บเกาหนังศรีษะ


การใช้เล็บเกาหนังศีรษะ อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่หนังศรีษะ วิธีที่ถูกต้องคือการใช้นิ้วกดนวดที่หนังศีรษะเบา ๆ

5. ไม่ควรเทแชมพูลงบนศรีษะโดยตรง


ควรเทแชมพูในมือของคุณก่อน แล้วถูอย่างสม่ำเสมอค่อยสระผม หากเทลงบนหนังศีรษะโดยตรงอาจทำให้เกิดสารเคมีตกค้างและทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่าที่ควร (ไม่ทำให้เกิดฟอง)

6. อุณหภูมิน้ำควรอยู่ที่ประมาน 40 องศา


ใช้น้ำเย็นสระผมทำให้หนังศีรษะถูกกระตุ้นมากที่สุด ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมได้! น้ำที่ร้อนเกินไปก็อาจทำความเสียหายต่อรูขุมขนได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น อุณหภูมิน้ำที่ดีที่สุด คือ ประมาณ 40 องศา ร้อนกว่าอุณหภูมิของร่างกายเล็กน้อย

7. ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป


เพราะการสระผมทำให้หนังกำพร้าเปิด กระบวนการที่หนังกำพร้าเปิดและปิดย่อมมีการสูญเสียบางอย่างไปดังนั้น การสระผมทุกวันไม่ได้ส่งผลดีต่อเส้นผม แต่บางคนที่ผมมันมากๆ ก็สามารถสระผมทุกวันได้ เพราะการรักษาความสะอาดสำคัญกว่า

8. เวลาสระผม ควรก้มศรีษะลงต่ำเล็กน้อย


เวลาใช้แชมพู คนจำนวนมากมักยืนสระ ความแรงของน้ำจะกระทบด้านบนของศรีษะและอาจเป็นสาเหตุให้ผมตรงส่วนนั้นหลุดร่วงมากกว่าตำแหน่งอื่น วิธีที่ดีที่สุด คือ การก้มหัวลงสามารถลดแรงกระแทกของน้ำ และยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือดบนศรีษะได้ด้วย

เส้นผมที่สวยงามต้องคอยบำรุงรักษา ทุกคนต้องใส่ใจ การสระผมก็ต้องใช้ทักษะเหมือนกัน!

16 ม.ค. 2559

วิธีการล้างหน้า


การล้างหน้าเป็นสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนน่าจะทำแบบเดียวกันจนกระทั่งได้ยินว่ามีคนที่ทำแตกต่างไปจากนี้ ต่อมาเราก็เริ่มสงสัยว่าควรล้างหน้าด้วยน้ำร้อนหรือน้ำเย็น? ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนหรือผลิตภัณฑ์ขัดผิวชนิดหยาบ? หรือจะใช้แปรงขัดหน้าไฟฟ้าราคาแพงที่เราอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต? ดูเหมือนว่าเราจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการล้างหน้า ดังนั้นเพื่อให้ได้คำตอบผู้เชี่ยวชาญจะมาแนะนำขั้นตอนในการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างชัดเจน
เครื่องมือ หากคุณแต่งหน้าก็ควรเช็ดออกด้วยน้ำยาทำความสะอาดเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เนื่องจากเครื่องสำอางจะไม่หลุดออกหากทำความสะอาดเพียงเบาๆและหากปล่อยไว้นานเกินไปรูขุมขนก็จะอุดตันและเกิดเป็นสิวในอนาคต สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เราควรเลือกฉลากที่ระบุว่า อ่อนโยน มีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงกับสภาพผิวตามธรรมชาติ และ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

หากคุณมีผิวแห้ง

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นเนื้อครีมจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเพราะมีกลีเซอรีนหรือเชียบัตเตอร์ ขณะที่สบู่ก้อนอาจจะทำให้ผิวแห้งแต่มันคือตัวเลือกที่แสนจะอ่อนโยน

หากคุณมีผิวธรรมดา

ควรเลือกใช้เซตาฟิลสูตรอ่อนโยนหรือเลือกใช้สูตรน้ำ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันจะช่วยกำจัดน้ำมัน ไขมัน และความมันจากผิวโดยปราศจากความรุนแรงหรือทำให้ผิวลอก

หากคุณมีผิวมัน

ควรใช้โฟมล้างหน้าซึ่งทำให้คุณรู้สึกสะอาดสุดๆแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงชั่วคราวเท่านั้น หรือลองใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน แต่ถ้าคุณมีผิวมันมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

หากคุณเป็นคนมีสิวง่าย

การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีตัวยาในการรักษาสิวและการใช้ยารักษาสิวมากเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ดังนั้นคุณควรเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนในการต่อสู้กับสิว

อุณหภูมิ

การขจัดน้ำมันออกจากผิวหนังด้วยน้ำอุ่นจะดีกว่าการใช้น้ำที่เย็นจัดหรือร้อนจัด (เช่นเดียวกับการล้างจานด้วยน้ำเย็นจะไม่สามารถขจัดความมันออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ) นอกจากนี้แม้ว่าน้ำเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขนได้เพียงชั่วคราว แต่น้ำร้อนก็จะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองแม้ว่าคุณจะรู้สึกสะอาดสุดๆก็ตาม แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง การศึกษาในปี 2006 ซึ่งมีการเปรียบเทียบผู้ที่ล้างหน้าวันละ 1 ครั้ง 2 ครั้ง และ 4 ครั้ง ปรากฎว่าใบหน้ามีการปรับสภาพผิวที่ดีขึ้นที่วันละ 2 ครั้ง ขณะที่การล้างหน้าวันละ 4 ครั้งไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแต่ทำให้เสียเวลามากเกินไป

วิธีการ

ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นพร้อมกับใช้ปลายนิ้วนวดเป็นวงกลมเพื่อทำให้เกิดฟอง เราควรใส่ใจผิวหน้าบริเวณจมูกและหน้าผากหรือทีโซนเป็นพิเศษ ขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามพื้นที่รอบๆและใต้ขากรรไกรหรือยูโซน ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวเนื่องจากความอ่อนโยนเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนผ้าเช็ดหน้าก็ไม่อ่อนโยนเท่ากับมือของเรา แต่ควรใช้ผ้าซับหน้าเบาๆหลังจากล้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดออกแล้ว จากนั้นแขวนผ้าไว้ในแห้งที่เนื่องจากความชื้นจะเพาะเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิวได้

สรุป

กฏเกณฑ์ 20 ขั้นตอนอาจเป็นเรื่องสนุกถ้าคุณเข้าใจมัน แต่กิจวัตรประจำวันที่เรียบง่ายกลับให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามความอ่อนโยนคือองค์ประกอบสำคัญ ขอเพียงรู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาด