30 เม.ย. 2559
ปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2560 ค่าลดหย่อนเพียบ เงินเดือน 26,000 ถึงเสียภาษี
โครงสร้างภาษีใหม่ปี 2560 ช่วยเสียภาษีน้อยลง หลัง ครม. ไฟเขียวเพิ่มค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร หักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีก เงินเดือนไม่เกิน 26,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเพิ่มการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนในหลายรายการ ซึ่งจะทำให้คนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเสียภาษีน้อยลงในปีภาษี 2560 ดังนี้
ปรับปรุงค่าใช้จ่าย
1. เพิ่มการหักค่าใช้จ่ายของเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ฯลฯ อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร จากเดิมร้อยละ 40 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท เป็นร้อยละ 50 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
2. ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่ายของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร จากเดิมให้หักได้เฉพาะค่าลิขสิทธิ์ ร้อยละ 40แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ขยายเพิ่มให้ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร หรือสิทธิอย่างอื่น สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 ของเงินได้ดังกล่าวแต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรได้
ปรับปรุงค่าลดหย่อน
1. เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
2. เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
3. กรณีคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
4. เพิ่มค่าลดหย่อนบุตรจากเดิมคนละ 15,000 บาท (ไม่เกิน 3 คน) เป็นคนละ 30,000 บาท ไม่จำกัดจำนวน
5. ยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร จากเดิมให้หักลดหย่อนได้คนละ 2,000 บาท
6. กองมรดกเดิมให้หักลดหย่อนได้ 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
7. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เดิมให้หักลดหย่อนแก่หุ้นส่วนคนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท ปรับใหม่เป็นคนละ 60,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120,000 บาท
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่
นอกจากนี้ยังได้ปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยจากเดิมมีรายได้สุทธิ 4,000,001 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษี 35% ปรับเป็นต้องมีรายได้สุทธิ 5,000,001 บาทขึ้นไป ดังนี้
ปรับปรุงเกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี
1. กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว
- หากผู้มีเงินได้เป็นโสด จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 50,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้เกิน 100,000 บาท
- หากผู้มีเงินได้มีคู่สมรส จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 100,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้รวมกันเกิน 200,000 บาท
2. กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน
- หากผู้มีเงินได้เป็นโสด จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
- หากผู้มีเงินได้มีคู่สมรส จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 60,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้รวมกันเกิน 120,000 บาท
3. กรณีกองมรดกของผู้ตายที่ยังมิได้แบ่ง จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
4. กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
ทั้งนี้การปรับเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2560 เป็นต้นไป (ยื่นแบบภาษีในปี 2561) ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างภาษีครั้งนี้ทำให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีความเป็นธรรมมากขึ้น สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน โดยต้องมีรายได้เดือนละ 26,000 บาทขึ้นไปจึงจะเริ่มเสียภาษี กรณีมีรายได้เฉพาะเงินเดือนเท่านั้น และหักลดหย่อนส่วนตัวโดยไม่ใช้สิทธิลดหย่อนรายการอื่น
9 สิ่งที่บอกว่า วิธีการ ทาแป้ง ของคุณ ทำคุณดับอนาถแล้วล่ะ
“แป้ง” เครื่องสำอางที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร หากแต่คืออาวุธพื้นฐานของใบหน้าที่สวยเลยก็ว่าได้ ว่าง่ายๆ ว่าถ้า ทาแป้ง ดี วันนั้นคุณรอดแน่นอน แต่ถ้าวันไหนแป้งไม่ดี วันนั้นจะเป็นวันที่แย๊แย่สำหรับคุณเลยล่ะ และคุณจะรู้ได้ยังไงว่า แป้งที่ใช้อยู่ ทำคุณรอดหรือคุณร่วง มาดูกัน!
2.ทาแป้งในบริเวณอื่นมากจนเกินไป
ขอให้คงมั่นกับ บริเวณ T zone ไว้ เมื่อต้องลงแป้ง อย่าให้ลามไปจนถึงไรผม เพราะการเอาแป้งจากไรผมนั่นจะทำให้คุณออกจากบ้านช้าไปอีกหลายนาที
7.ไม่เคยเอาแป้งส่วนเกินออก
รู้ไหมว่าทริคของดาราที่เวลาออกกล้อง แต่ทำไมหน้าถึงดูสว่างและเหมือนไม่ใช้แป้งเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขาไม่เคยลืมปัดแป้งส่วนเกินออกจากหน้าน่ะสิ เพียงแค่ใช้แปรงสะอาดแปรงไปรอบๆ ใบหน้า แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้สวยๆ แล้ว ส่วนวิธีการเช็คก็คือ ลองเซลฟี่ตัวเอง หากไม่พบรอยด่างขาวบนหน้า นั่นถือว่าผ่านแล้วล่ะ
8.ไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์
หากอยากให้หน้าดูดีไปทั้งวัน อย่าลืมลงมอยส์เจอไรเซอร์เป็นอันขาด
1.คุณใช้อุปกรณ์ในการลงรองพื้นผิด
บิวตี้เบลนเดอร์ หรือเจ้าฟองน้ำกลมๆ ที่เป็นขวัญใจของสาวๆนั้น แท้จริงแล้ว เหมาะกับการลงรองพื้นในแบบที่ต้องการการปกปิดขั้นสุด ถ้าอยากได้ลุคเบาๆ อาจจะใช้นิ้วมือเกลี่ยก็ได้
ขอให้คงมั่นกับ บริเวณ T zone ไว้ เมื่อต้องลงแป้ง อย่าให้ลามไปจนถึงไรผม เพราะการเอาแป้งจากไรผมนั่นจะทำให้คุณออกจากบ้านช้าไปอีกหลายนาที
3.คุณเก็บแป้งไว้ในห้องน้ำ
แนะนำให้คุณเก็บแป้งไว้ในห้องที่มีอากาศเย็น และแห้งสะอาด อย่างห้องนอนจะดีกว่า เพราะแป้งนั้นจะจับตัวเป็นก้อนทันทีที่ได้รับความชื้น จะมีอะไรแย่ไปกว่าแป้งที่จับตัวเป็นก้อนล่ะจริงไหม
4.เลือกสีแป้งผิด
คุณอาจจะคิดแค่ คุณควรเลือกสีที่เข้ากับผิวหน้าของคุณหรือใกล้เคียงกับผิวหน้าคุณที่สุด แต่ การใช้แป้งนั้นมีทริคอยู่เล็กน้อยค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่หน้ามัน เลือกแป้งที่สว่างกว่าผิวเล็กน้อย เพราะเมื่อแป้งเจอกับน้ำมันบนหน้าและเกิดการออกซิไดซ์ ทำให้แป้งอาจดรอปได้ เพราะฉะนั้นเลือกสีสว่างกว่าจะทำให้ลดอาหารหน้าหมองได้ดี ส่วนสาวๆที่หน้าแห้ง ควรเลือกแป้งที่ใกล้เคียงสีผิว เพราะไม่มีน้ำมันมากวนใจระหว่างวันนั่นเอง
5.เลือกสูตรไม่เหมาะสมกับผิว
หากคุณเป็นสาวหน้ามัน จงเลือกแป้งที่มีส่วนผสมของ TALC เพราะจะช่วยดูดซับน้ำมันได้ดี ส่วนสาวหน้าแห้ง การเลือกแป้งสูตรที่มาไฮยารูรอนิคแอซิด หรือสูตรที่ซิลิก้า เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
6.โบกแป้งให้หนัก
ถ้าไม่อยาก ดูโบ๊ะ กรุณาทาแป้งเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และใช้สเปรย์น้ำแร่ในการเซ็ตตัว ก็จะทำให้คุณได้ลุคแบบดิวอี้7.ไม่เคยเอาแป้งส่วนเกินออก
รู้ไหมว่าทริคของดาราที่เวลาออกกล้อง แต่ทำไมหน้าถึงดูสว่างและเหมือนไม่ใช้แป้งเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขาไม่เคยลืมปัดแป้งส่วนเกินออกจากหน้าน่ะสิ เพียงแค่ใช้แปรงสะอาดแปรงไปรอบๆ ใบหน้า แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้สวยๆ แล้ว ส่วนวิธีการเช็คก็คือ ลองเซลฟี่ตัวเอง หากไม่พบรอยด่างขาวบนหน้า นั่นถือว่าผ่านแล้วล่ะ
8.ไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์
หากอยากให้หน้าดูดีไปทั้งวัน อย่าลืมลงมอยส์เจอไรเซอร์เป็นอันขาด
9.ล้างแปรงไม่บ่อยพอ
หาก คุณคือคนหนึ่งที่ชอบแชร์เครื่องสำอางกับเพื่อน แปรงถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรรักษาความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง โดยอย่างน้อยขอให้ล้างเดือนละ 1 ครั้ง และใช้เพียงแค่แชมพูผสมน้ำเล็กน้อย ล้างให้สะอาดและทิ้งให้แห้งบนผ้าขนหนู เท่านั้นเอง
28 เม.ย. 2559
13 เม.ย. 2559
สีผิวอย่างเรา ใช้ บรัชออน สีอะไรดี?
เวลาสาวๆไปเลือกซื้อ บรัชออน หลายคนคงประสบกับปัญหานี้ คือ ละลานตาไปกับสีสันเจ็ดพันแปดหมื่นเฉดคุณพระ!!! แล้วสีไหนละที่เกิดมาเพื่อชั้น ลองซะจนแขนแทบมองไม่เห็นสีผิวครับคุณวันนี้เราเลยนำทริคดีๆ ที่จะช่วยลดเวลา การหาสี บรัชออน ที่เหมาะกับผิวเรามาฝากครับ
เริ่มจากสาวผิวขาวก่อนแล้วกันนะครับ สาวที่มีผิวขาวมากๆ เช่น ฝรั่งหรือสาวหมวยสาวเหนือก็ว่ากันไปด้วยความที่ใบหน้าขาวจนไปถึงซีด ก็เปรียบเหมือนกระดาษขาว ถ้าลงสีจัดจ้านก็จะโดดเด้งจนเกินไป เพราะฉะนั้นต้องเลือกสีซอฟท์ ให้หน้าดูนวลระเรื่อๆ กลมกลืนไปกับผิวจริง จะเหมาะที่สุดครับ
มาถึงสีที่น่าจะเป็นสีผิวสำหรับสาวไทยส่วนใหญ่นะครับ ก็คือผิวกลางๆ ไม่ขาวแต่ไม่คล้ำมากก็สามารถใช้สีที่เข้มขึ้นมาหน่อย เช่น สีชมพูกุหลาบ สีพีชเข้ม ก็จะเป็นสีที่ทำให้ผิวดูสดใส จะไปใช้สีอ่อนเหมือนสาวผิวขาว มันก็จะกลืนหายไปเลย ต้องมีสีสันหน่อยครับ
สุดท้าย ก็เป็นสีสาวไทยแท้อีกเช่นเคย คือสาวผิวเข้ม สีบลัชออนที่ควรใช้ ก็ต้องจัดจ้าน แซ่บตามสีผิวเลยนะครับ
เน้นไปที่สีค่อนข้างสว่าง ออกนีออนนิดๆ เช่น ชมพูสว่าง ส้มสว่างหรือคอรัล ถ้าสาวไหนไม่ชอบสีสันจัดจ้าน
อาจเลือกใช้สีน้ำตาลก็ได้ครับ เป็นการลงเฉดดิ้งให้หน้าดูเล็กลงไปในตัว
หากสาวๆ คนไหนยังไม่มั่นใจการเลือกสี ก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่เครื่องสำอางค์ที่มีประสบการณ์ก็ได้นะครับ
อาจจะได้คำแนะนำอย่างตรงจุด หรือได้ข้อมูลด้านอื่นเพิ่มเติมด้วย ก็อาจจะต้องลงทุนหน่อยในช่วงแรกนะครับ
ก่อนที่เราจะค้นพบว่าอะไรที่เหมาะกับเราจริงๆ และอีกอย่าง ให้สังเกตุคำติชมจากคนรอบตัวด้วยก็ดีครับ
จะได้เลือกสีให้ถูกตามเฉดของหน้าเรา และไม่มีใครทักว่าเป็นแก้มแดงเป็นลิงเจี๊ยกๆด้วย อิอิ
เริ่มจากสาวผิวขาวก่อนแล้วกันนะครับ สาวที่มีผิวขาวมากๆ เช่น ฝรั่งหรือสาวหมวยสาวเหนือก็ว่ากันไปด้วยความที่ใบหน้าขาวจนไปถึงซีด ก็เปรียบเหมือนกระดาษขาว ถ้าลงสีจัดจ้านก็จะโดดเด้งจนเกินไป เพราะฉะนั้นต้องเลือกสีซอฟท์ ให้หน้าดูนวลระเรื่อๆ กลมกลืนไปกับผิวจริง จะเหมาะที่สุดครับ
มาถึงสีที่น่าจะเป็นสีผิวสำหรับสาวไทยส่วนใหญ่นะครับ ก็คือผิวกลางๆ ไม่ขาวแต่ไม่คล้ำมากก็สามารถใช้สีที่เข้มขึ้นมาหน่อย เช่น สีชมพูกุหลาบ สีพีชเข้ม ก็จะเป็นสีที่ทำให้ผิวดูสดใส จะไปใช้สีอ่อนเหมือนสาวผิวขาว มันก็จะกลืนหายไปเลย ต้องมีสีสันหน่อยครับ
สุดท้าย ก็เป็นสีสาวไทยแท้อีกเช่นเคย คือสาวผิวเข้ม สีบลัชออนที่ควรใช้ ก็ต้องจัดจ้าน แซ่บตามสีผิวเลยนะครับ
เน้นไปที่สีค่อนข้างสว่าง ออกนีออนนิดๆ เช่น ชมพูสว่าง ส้มสว่างหรือคอรัล ถ้าสาวไหนไม่ชอบสีสันจัดจ้าน
อาจเลือกใช้สีน้ำตาลก็ได้ครับ เป็นการลงเฉดดิ้งให้หน้าดูเล็กลงไปในตัว
หากสาวๆ คนไหนยังไม่มั่นใจการเลือกสี ก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่เครื่องสำอางค์ที่มีประสบการณ์ก็ได้นะครับ
อาจจะได้คำแนะนำอย่างตรงจุด หรือได้ข้อมูลด้านอื่นเพิ่มเติมด้วย ก็อาจจะต้องลงทุนหน่อยในช่วงแรกนะครับ
ก่อนที่เราจะค้นพบว่าอะไรที่เหมาะกับเราจริงๆ และอีกอย่าง ให้สังเกตุคำติชมจากคนรอบตัวด้วยก็ดีครับ
จะได้เลือกสีให้ถูกตามเฉดของหน้าเรา และไม่มีใครทักว่าเป็นแก้มแดงเป็นลิงเจี๊ยกๆด้วย อิอิ
9 เม.ย. 2559
แอร์โฮสเตสเผยไต๋…เทคนิคซื้อตั๋วเครื่องบินในราคาถูกสุดๆ!!
ยุคนี้ใครๆ ก็บินได้ เพราะราคาตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ ถูกลงกว่าเดิมมาก ทำให้ผู้คนต่างนิยมใช้บริการเครื่องบินกันมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากการรอซื้อตั๋วช่วงโปรโมชั่นแล้ว เทคนิดดังต่อไปนี้จะช่วยให้คุณซื้อตั๋วได้ในราคาถูกสุดๆ
1. ซื้อตั๋วตอนเช้า
ราคาตั๋วปกติจะเปลี่ยน 3 ครั้งต่อวัน สายการบินจะปล่อยตั๋วออกมาตอนเช้า เพราะงั้นราคาจะถูกกว่าช่วงอื่นของวัน
2. ซื้อตั๋ววันอังคารและวันพุธ
วันอังคารและวันพุธเป็นวันที่คนไปเที่ยวหรือเดินทางไปทำงานน้อยที่สุด เพราะงั้นตั๋วเครื่องบินก็เลยถูกกว่าวันอื่น
3. ซื้อตั๋วเดือน เมษายน กรกฎาคม กันยายน และเดือนตุลาคม
เดือนเมษายน กรกฎาคม กันยายน และเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ตั๋วเครื่องบินราคาต่ำ หรือช่วงหลังตรุษจีนก็จะราคาค่อนข้างถูก
4. ซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมกับแพ็คเกจอื่นๆ
สายการบินจะมีโปรโมชั่นแพคเกจท่องเที่ยว ซึ่งรวมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และการเดินทาง สามารถช่วยลดเวลาในการทำการบ้านลงได้
5. การเป็นพนักงานของสายการบิน
พนักงานสายการบินจะมีส่วนลดพิเศษ สามารถซื้อตั๋วได้ถูกกว่าคนทั่วไป ถ้ารู้จักกับคนที่ทำงานในสายการบินก็สามารถฝากซื้อได้ในราคาถูก (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน)
7 วิธี เทคนิค แต่ง เรียวปาก ที่คุณอาจยังไม่รู้
ดวงตา และ เรียวปาก คือ จุดเด่นเพียง 2 ตำแหน่ง บนใบหน้าที่สะกดสายตาผู้พบเห็นได้ ต่อให้แต่งตาเด่นเด้ง แต่เราก็ยังต้องเหลียวแลริมฝีปากของเราให้ดูดีอยู่ดีนั่นแหละค่ะ วันนี้ขอนำเสนอวิธีแต่งปาก ให้ดูสวยทรงเสน่ห์ ด้วยสารพัดเทคนิค ให้คุณสาวๆ ได้นำไปใช้ดู ทั้งหมด 7 วิธีดังต่อไปนี้จ้า
1. เพื่อริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มขึ้น ลองหยดเปเปอร์มิ้นท์ออยล์ หรือ ซินนามอนออยล์ ก็ได้สักจิ๊ดเดียว ผสมในลิปกลอสก่อนทาดูสิ แองเจลิน่า โจลี่ ก็ แองเจลิน่า โจลี่ เหอะ อาจต้องอิจฉา เรียวปาก ของเรา
2. แต้มลิปบาล์มใสๆ ลงบนยอดรอยหยักริมฝีปากบนเพียงแค่เล็กน้อย เพื่อทำให้ริมฝีปากดูเด่นเด้ง มีมิติ
3.หากต้องการให้รูปปากดูเต็มอิ่ม ลองใช้ลิป เพนซิลสีเนื้อทาตรงกึ่งกลางปาก แล้วค่อยๆ เกลี่ยให้กระจายทั่วทั้งริมฝีปากแล้วค่อยลงลิป …เต็มอิ่มเน้นๆ จ้า
4.ถ้ามีเวลาน้อยนิดสำหรับการแต่งหน้า ให้เลือกจุดที่เราจะเน้นเพียงอย่างเดียว ตา หรือ ปาก เลือกค่ะ!
ถ้าส่องแล้วส่องอีกยังไม่ถูกใจดวงตาในวันนี้ การเขียนคิ้วเข้มๆ และ ปัดมาสคาร่าลงไปก็เวิร์คสุดๆ สำหรับสาวๆ
5.การวาดปากด้วยลิปไลเนอร์ด้วยเทคนิครูปโบว์สุดง่าย
6.เปลี่ยนลิปสติกเนื้อแวววาวเป็นลิปสติกเนื้อแมทได้ง่ายๆ แถมติดทนทาน โดยไม่ต้องซื้อใหม่ให้เปลืองตังค์ แค่คุณลงคอนซีลเลอร์บน ริมฝีปากก่อนทาลิป เท่านี้ก็เปลี่ยนสไตล์แล้ว
7. วิธีทำให้ลิปสติกติดทนนานทั้งวัน คือ หลังจากทาลิปสติกแล้วให้ทาบทิชชู่แนบกับปากแล้วลงแป้งฝุ่นทับลงไป จะได้ลิปที่ติดทนนาน
1. เพื่อริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มขึ้น ลองหยดเปเปอร์มิ้นท์ออยล์ หรือ ซินนามอนออยล์ ก็ได้สักจิ๊ดเดียว ผสมในลิปกลอสก่อนทาดูสิ แองเจลิน่า โจลี่ ก็ แองเจลิน่า โจลี่ เหอะ อาจต้องอิจฉา เรียวปาก ของเรา
2. แต้มลิปบาล์มใสๆ ลงบนยอดรอยหยักริมฝีปากบนเพียงแค่เล็กน้อย เพื่อทำให้ริมฝีปากดูเด่นเด้ง มีมิติ
3.หากต้องการให้รูปปากดูเต็มอิ่ม ลองใช้ลิป เพนซิลสีเนื้อทาตรงกึ่งกลางปาก แล้วค่อยๆ เกลี่ยให้กระจายทั่วทั้งริมฝีปากแล้วค่อยลงลิป …เต็มอิ่มเน้นๆ จ้า
4.ถ้ามีเวลาน้อยนิดสำหรับการแต่งหน้า ให้เลือกจุดที่เราจะเน้นเพียงอย่างเดียว ตา หรือ ปาก เลือกค่ะ!
ถ้าส่องแล้วส่องอีกยังไม่ถูกใจดวงตาในวันนี้ การเขียนคิ้วเข้มๆ และ ปัดมาสคาร่าลงไปก็เวิร์คสุดๆ สำหรับสาวๆ
5.การวาดปากด้วยลิปไลเนอร์ด้วยเทคนิครูปโบว์สุดง่าย
6.เปลี่ยนลิปสติกเนื้อแวววาวเป็นลิปสติกเนื้อแมทได้ง่ายๆ แถมติดทนทาน โดยไม่ต้องซื้อใหม่ให้เปลืองตังค์ แค่คุณลงคอนซีลเลอร์บน ริมฝีปากก่อนทาลิป เท่านี้ก็เปลี่ยนสไตล์แล้ว
7. วิธีทำให้ลิปสติกติดทนนานทั้งวัน คือ หลังจากทาลิปสติกแล้วให้ทาบทิชชู่แนบกับปากแล้วลงแป้งฝุ่นทับลงไป จะได้ลิปที่ติดทนนาน
8 เม.ย. 2559
ควรจะบีบ ยาสีฟัน แค่ไหนถึงจะดี ?
ผู้ใหญ่หลายๆคนคิดว่า ขณะแปรงฟันยิ่งใช้ ยาสีฟัน มากขึ้นเท่าใด ฟันของเราก็ยิ่งสะอาดมากขึ้นเท่านั้น แต่เขาเหล่านั้นคงลืมไปว่า ความจริงแล้วสิ่งที่ทำความสะอาดฟันนั้นไม่ใช่ ยาสีฟัน แต่เป็นแปรงสีฟันครับ
บางคนอาจจะตั้งข้อสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ถ้าอย่างนั้นผมก็เลิกใช้ยาสีฟัน ก็ได้นะสิ คำตอบ คือ ไม่ใช่นะครับ อย่างน้อยๆเหตุผลข้อหนึ่งในนั้น ก็คือ ฟลูออไรด์ใน ยาสีฟัน ที่เราใช้แปรง สามารถทำให้ฟันแข็งแรงขึ้น แล้วก็ช่วยต่อต้านฟันผุด้วย
ปริมาณ ยาสีฟัน ที่ควรใช้กันที่ได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา คือ ในเด็กบีบยาสีฟันให้มีขนาดเท่าเม็ดถั่วครับ เพราะถ้าใช้มากเกินไปเด็กมักจะกลืนยาสีฟัน เข้าไปด้วย ทำให้ได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไปซึ่งส่งผลทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมาอาจมีจุดสีขาวๆ บนตัวฟัน (Dental Fluorosis) และไม่สามารถกำจัดออกไปได้ครับ
ส่วนในผู้ใหญ่ ให้กำหนดปริมาณยาสีฟันจากการบีบยาครับ คือ ให้บีบให้มีขนาดเท่าเม็ดข้าวโพด อย่าลืมแปรงฟันทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งนะครับ
บางคนอาจจะตั้งข้อสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ถ้าอย่างนั้นผมก็เลิกใช้ยาสีฟัน ก็ได้นะสิ คำตอบ คือ ไม่ใช่นะครับ อย่างน้อยๆเหตุผลข้อหนึ่งในนั้น ก็คือ ฟลูออไรด์ใน ยาสีฟัน ที่เราใช้แปรง สามารถทำให้ฟันแข็งแรงขึ้น แล้วก็ช่วยต่อต้านฟันผุด้วย
ปริมาณ ยาสีฟัน ที่ควรใช้กันที่ได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา คือ ในเด็กบีบยาสีฟันให้มีขนาดเท่าเม็ดถั่วครับ เพราะถ้าใช้มากเกินไปเด็กมักจะกลืนยาสีฟัน เข้าไปด้วย ทำให้ได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไปซึ่งส่งผลทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมาอาจมีจุดสีขาวๆ บนตัวฟัน (Dental Fluorosis) และไม่สามารถกำจัดออกไปได้ครับ
ส่วนในผู้ใหญ่ ให้กำหนดปริมาณยาสีฟันจากการบีบยาครับ คือ ให้บีบให้มีขนาดเท่าเม็ดข้าวโพด อย่าลืมแปรงฟันทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งนะครับ
10 ข้อดี ฝึกโยคะยามเช้า ปลุกความสดชื่นกะปรี้กะเปร่า ไม่ต้องง้อกาแฟ!!
ตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ทุกคนย่อมเผชิญกับสารพัดเรื่องราวเข้ามาบั่นทอนสภาพร่างกายและจิตใจในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียจากการเดินทางและความตึงเครียดจากงานที่ทำอยู่ จนทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยในที่สุด คุณรู้หรือไม่? คุณสามารถดูแลตนเองให้มีสุขภาพกายใจที่ดีได้ตั้งแต่เริ่ม “ตื่น” นอนตอนเช้า
นำเสนอข้อดี 10 ประการจากการฝึก “โยคะยามเช้า” (A.M.Yoga) เพื่อเปลี่ยนเช้าวันธรรมของคุณให้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป ผ่านกิจกรรมรับเช้าวันใหม่ที่จะปรับสมดุลชีวิตคุณให้สดใส มีพลัง มีไอเดียลุยงานได้ตลอดวัน
1. ช่วยสร้างระเบียบวินัยการตื่นนอนคู่กับการออกกำลังกายยามเช้าให้กับตนเอง
2. เมื่อเลือกการออกกำลังกายเป็นสิ่งแรกของวัน ทำให้คุณมีโอกาสได้ออกกำลังมากกว่าช่วงเวลาอื่น ที่อาจมีกิจกรรมอื่นเข้ามาแทรกในระหว่างวัน
3. การฝึกโยคะตอนเช้าจะช่วยเรื่องการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ทำให้สมองตื่นตัว ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าไปทั้งวัน ประหนึ่งคุณได้ดื่มกาแฟรับเช้าวันใหม่
4. การออกกำลังกายในช่วงเช้าจะ ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพตลอดวัน
5. ช่วยควบคุมเรื่องการทานอาหารอย่างมีวินัย คุมความอยากอาหาร และทานอาหารตรงเวลาตามมื้ออาหาร
6. ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อหัวใจและระบบหลอดเลือดให้ทำงานได้ดี ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
7. การยืดเหยียดร่างกายตอนเช้า ช่วยป้องกันอาการปวดเมื่อยที่จะเกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันได้
8. ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ตื่นตัวพร้อมรับเช้าวันใหม่
9. ช่วยให้จิตใจสงบนิ่ง รู้สึกผ่อนคลายมีสมาธิ สมองปลอดโปร่ง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แลดูมีชีวิตชีวา
10. ช่วยให้ยามค่ำคืนคุณจะนอนหลับสบาย หรือ นอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยยานอนหลับ
นำเสนอข้อดี 10 ประการจากการฝึก “โยคะยามเช้า” (A.M.Yoga) เพื่อเปลี่ยนเช้าวันธรรมของคุณให้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป ผ่านกิจกรรมรับเช้าวันใหม่ที่จะปรับสมดุลชีวิตคุณให้สดใส มีพลัง มีไอเดียลุยงานได้ตลอดวัน
1. ช่วยสร้างระเบียบวินัยการตื่นนอนคู่กับการออกกำลังกายยามเช้าให้กับตนเอง
2. เมื่อเลือกการออกกำลังกายเป็นสิ่งแรกของวัน ทำให้คุณมีโอกาสได้ออกกำลังมากกว่าช่วงเวลาอื่น ที่อาจมีกิจกรรมอื่นเข้ามาแทรกในระหว่างวัน
3. การฝึกโยคะตอนเช้าจะช่วยเรื่องการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ทำให้สมองตื่นตัว ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าไปทั้งวัน ประหนึ่งคุณได้ดื่มกาแฟรับเช้าวันใหม่
4. การออกกำลังกายในช่วงเช้าจะ ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพตลอดวัน
5. ช่วยควบคุมเรื่องการทานอาหารอย่างมีวินัย คุมความอยากอาหาร และทานอาหารตรงเวลาตามมื้ออาหาร
6. ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อหัวใจและระบบหลอดเลือดให้ทำงานได้ดี ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
7. การยืดเหยียดร่างกายตอนเช้า ช่วยป้องกันอาการปวดเมื่อยที่จะเกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันได้
8. ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ตื่นตัวพร้อมรับเช้าวันใหม่
9. ช่วยให้จิตใจสงบนิ่ง รู้สึกผ่อนคลายมีสมาธิ สมองปลอดโปร่ง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แลดูมีชีวิตชีวา
10. ช่วยให้ยามค่ำคืนคุณจะนอนหลับสบาย หรือ นอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยยานอนหลับ
6 เม.ย. 2559
Howto วิธี ขยายรองเท้าส้นสูง ที่คับเท้า ให้ใส่สบายขึ้นด้วยน้ำแข็ง..รู้งี้ทำไปนานแล้ว
เคยเป็นกันไหมครับ ซื้อรองเท้าส้นสูงมาคู่หนึ่ง ที่ประณีตในการลองสวมใส่จากที่ร้านแล้ว ก็คิดว่ามันโอเค พอดีกับเท้าของเรา แต่พอกลับมาแล้ว หยิบขึ้นมาใส่จริงๆนี่สิ่ ทำไมมันถึงได้คับปลิ้นขนาดนี้ ทั้งกัด ทั้งฟิต อยากสวยต้องยอมเจ็บกันขนาดนี้เลยหร๊อเนี่ย.. แต่วันนี้เรามีวิธี ขยายรองเท้าส้นสูง มาฝากกันครับ โดยวิธีการนั้น แสนง่าย มาดูกันเลยว่า ถ้า รองเท้าส้นสูง ของคุณฟิตเปรี้ยะจนใส่ไม่สบายเท้า จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี
เริ่มจาก นำรองเท้ามาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนครับ ถึงแม้จะยังไม่ได้ใส่ แต่ทำความสะอาดอีกครั้งนะครับ
หลังจากนั้น นำถุงซิบมา 2 ใบ เติมน้ำเข้าไปประมาณ 1/4 ของถุง แล้วนำถุงน้ำสวมเข้าไปในรองเท้าทั้ง 2 ข้าง
เสร็จแล้ว ให้นำรองเท้าส้นสูงของเรา ใส่ตู้เย็น โดยให้นำใส่เข้าไปในช่องแช่แข็ง หรือช่องฟรีซครับ ทิ้งไว้ข้ามคืน ( เพื่อรักษาความสะอาด อาจใช้ถุงผ้าสวมรองเท้าอีกชั้นหนึ่งก่อนนำไปแช่ตู้เย็นนะครับ)
หลักการของการใช้เทคนิคถุงน้ำนี้ก็คือ เมื่อน้ำที่เราใส่ไว้ในรองเท้ามันถูกความเย็นจนๆค่อยๆจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง มันจะค่อยๆขยายออกตัวออก น้ำแข็งจะช่วยให้รองเท้าค่อยๆยืดออกได้ โดยไม่ทำให้รองเท้าเสียทรงครับ
หลังจากนั้น ก็นำออกมาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วก็ลองนำกลับมาใส่ดูครับ จะรู้สึกได้ถึงความยื่ดหยุ่นของรองเท้าที่ขยายออก ทำให้ใส่รองเท้าได้อย่างสบายเท้าเลยจ้า
เริ่มจาก นำรองเท้ามาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนครับ ถึงแม้จะยังไม่ได้ใส่ แต่ทำความสะอาดอีกครั้งนะครับ
หลังจากนั้น นำถุงซิบมา 2 ใบ เติมน้ำเข้าไปประมาณ 1/4 ของถุง แล้วนำถุงน้ำสวมเข้าไปในรองเท้าทั้ง 2 ข้าง
เสร็จแล้ว ให้นำรองเท้าส้นสูงของเรา ใส่ตู้เย็น โดยให้นำใส่เข้าไปในช่องแช่แข็ง หรือช่องฟรีซครับ ทิ้งไว้ข้ามคืน ( เพื่อรักษาความสะอาด อาจใช้ถุงผ้าสวมรองเท้าอีกชั้นหนึ่งก่อนนำไปแช่ตู้เย็นนะครับ)
หลักการของการใช้เทคนิคถุงน้ำนี้ก็คือ เมื่อน้ำที่เราใส่ไว้ในรองเท้ามันถูกความเย็นจนๆค่อยๆจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง มันจะค่อยๆขยายออกตัวออก น้ำแข็งจะช่วยให้รองเท้าค่อยๆยืดออกได้ โดยไม่ทำให้รองเท้าเสียทรงครับ
หลังจากนั้น ก็นำออกมาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วก็ลองนำกลับมาใส่ดูครับ จะรู้สึกได้ถึงความยื่ดหยุ่นของรองเท้าที่ขยายออก ทำให้ใส่รองเท้าได้อย่างสบายเท้าเลยจ้า
2 เม.ย. 2559
15 วิธีทำเล็บแบบผิดๆ ที่คุณเคยคิดว่า ถูก!
ทำเล็บ สวยง่ายๆ แบบที่คุณ…อาจ ไม่เคยรู้มาก่อน
1.น้ำส้มสายชู ล้างเล็บได้!
ใช้คัตตอนบัดจุ่มน้ำส้มสายชู แล้วค่อยๆเช็ดที่เล็บ ก่อนที่จะทาเบสโค้ท เพื่อเป็นการล้างสารที่ตกค้างที่อยู่บนเล็บ หลังจากนั้นเมื่อรอจนเล็บแห้งแล้วจึงค่อยทาเบสโค้ทลงไป
2.อย่าแช่เล็บนานๆ ก่อนที่จะ ทำเล็บ
การแช่เล็บจะทำให้เล็บของคุณนิ่มและอ่อนนุ่มลงก็จริง แต่เล็บก็จะกักเก็บน้ำเอาไว้ เมื่อทาเล็บลงไปยาทาเล็บจะไม่เรียบสม่ำเสมอกัน จึงควรเปลี่ยนมาใช้เป็น Cuticle Oil น้ำมันบำรุงเล็บให้สุขภาพดี แทนดีกว่านะครับ3.หมั่นตะไบเล็บให้มีรูปทรงที่สวยงามอยู่เสมอ
4.ทาเบสโค้ททุกครั้ง ก่อน ทำเล็บ
ใช้เบสโค้ทเพื่อเป็นการลงรองพื้นก่อนที่จะทายาทาเล็บ เป็นการบำรุงเล็บและช่วยให้สีติดทนนานยิ่งขึ้น
5.วิธีทาเบสโค้ทให้ถูกต้อง สำหรับสาวเล็บยาว
ถ้าคุณเล็บสั้นก็สามารถทาเบสโค้ทได้ตามปกติ แต่สำหรับสาวเล็บยาวก็ต้องพิเศษกันหน่อย ต้องทาทีละครึ่งเล็บ เริ่มจากบริเวณกลางเล็บไปยังปลายเล็บ จากนั้นจึงทาที่โคนเล็บไปจนสุดปลายเล็บอีกครั้ง เพื่อให้เรียบเสมอกัน
6.ห้ามเขย่า ขวดยาทาเล็บ!
ปกติก่อน ทำเล็บ สาวๆ มักจะเขย่าขวดยาทาเล็บก่อนใช้กันใช่ไหนครับ? อยากบอกว่าเป็นวิธีที่ ผิดมหันต์! เพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศ วิธีที่ถูกต้อง คือ การใช้ฝ่ามือปั่นขวดยาทาเล็บก่อนใช้เพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน
7.อย่ามองข้าม ปลายเล็บ!
ถ้าอยากให้ยาทาเล็บติดทนนาน อย่าลืมทาบริเวณขอบปลายเล็บด้วยนะ
8. ความเชื่อผิดๆ! ใช้ปากเป่าเล็บให้แห้ง
สาวๆ มาทำความเข้าใจกันใหม่นะครับ ช่วงระหว่างที่รอเล็บแห้ง บางคนใช้ไออุ่นจากปากเป่าเล็บไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าจะช่วยให้แห้งเร็วขึ้น ขอบอกว่า ผิดครับ! วิธีที่ถูกต้อง จุ่มปลายเล็บในน้ำเย็น ใส่น้ำแข็งลงไปสักหน่อย แช่ประมาณ 1-2 นาที แค่นี้เล็บก็แห้งรวดเร็วทันใจแล้ว
9. อย่าทา ท็อปโค้ท เพียงแค่ครั้งเดียว
ควรใช้ท็อปโค้ททาทับทุก 2-3 วัน เพื่อป้องกันการหลุดลอกของสียาทาเล็บ และช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเล็บอีกด้วย
10. หลีกเลี่ยงการใช้ เจลทำความสะอาด
สาวๆควรล้างมือด้วยสบู่ แทนการใช้ เจลทำความสะอาดมือ เพราะจะทำให้เล็บสูญเสียความชุ่มชื้น และยังทำให้ท็อปโค้ทไม่ติดทนนาน
11.บำรุงเล็บ ให้สุขภาพดี
ใช้น้ำมันบำรุงขอบเล็บ เพื่อป้องกันไม่ให้เล็บแห้ง เป็นการเพิ่มความชุ่มชื่น ทำให้เล็บดูมีสุขภาพดี
12. สีเล็บหลุดลอก ทำไงดี?
ถ้าปลายเล็บเริ่มมีสีหลุดลอกทีละนิด วิธีแก้ไขง่ายๆ แค่ทาท็อปโค้ทลงไปอีกครั้ง ก็จะช่วยให้เล็บกลับมาสวยดั่งเดิม
13.เล็บใหม่งอกขึ้นมาก็ ซ่อมได้!
เมื่อทาเล็บไปนานๆ เล็บใหม่จะค่อยๆออกมาจนสียาทาเล็บไม่สม่ำเสมอ ดูไม่สวยงาม วิธีแก้ง่ายๆ ทายาทาเล็บที่ผสมกลิตเตอร์ ลงไปบริเวณโคนเล็บ แค่นี้ก็ได้ลายเล็กเก๋ๆ ชิคๆ แถมยังติดทนยาวนานสุดๆเลยล่ะ
14.เพ้นต์เล็บเก๋ๆ French Nails
ถ้าปลายเล็บหลุดลอกทำไงดี? ยังมีวิธีแก้อีกอย่าง คือ เลือกยาทาเล็บแบบที่ผสมกลิตเตอร์ หรือ ยาทาเล็บสีตรงกันข้ามกับสีพื่้นของคุณ ทาทับไปบริเวณปลายเล็บที่หลุดลอก แค่นี้ก็สวยอินเทรนด์แล้ว เทรนด์การทาเล็บสุดเก๋ แบบนี้เรียกว่า French Nails
15.อุ๊บ! แย่แล้ว ทำเล็บ เป็นรอยเละเลย
ถ้าทำเล็บ แล้วเป็นรอยไม่ต้องล้างแล้วทาใหม่ แค่ใช้คอตตอนบัดจุ่มลงไปในน้ำยาล้างเล็บแล้วค่อยๆถูจนเรียบ จากนั้นจึงทายาทาเล็บทับอีกครั้ง แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)