ขนมหวาน กับคำว่าลดความอ้วน เป็นอะไรที่ดูจะขัดแย้งเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันจะมาเจอกันได้ยังไงก็ไม่รู้นะคะ แต่ความจริงแล้วคุณสามารถกินขนมหวานได้อย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่ต้องกังวลกับความอ้วนอีกต่อไป เพียงแค่ต้องอาศัยเทคนิคนิดเดียวเท่านั้น รับรองว่าคุณจะลดความอ้วนได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องงดของโปรดเลยแหละ
1.ให้รางวัลตัวเองกับขนม 1 ชิ้น ใน 1 สัปดาห์
สำหรับคนที่ตั้งใจลดมาอย่างหนัก ถึงเวลาให้รางวัลกับตัวเองบ้างแล้วล่ะครับ เพราะยังไงแล้วร่างกายก็ต้องการรสหวานอยู่ดี แต่แนะนำว่าไม่ควรกินเยอะเกินขนาด อย่างเช่นถ้าอยากกินเค้กก็ควรจะเลือกเพียงแค่ 1 ชิ้น ไม่ใช่ 1 ปอนด์ อย่างนี้โอเคนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าให้กินได้เต็มที่ไง แล้วทำไมยังอ้วนอยู่ ฮ่าๆๆ
2. แบ่งชิ้นเล็ก กินได้หลายวัน
ในกรณีที่อยากกินทุกวัน กลัวจะห้ามใจไม่ไหว แนะนำวิธีนี้เลยค่ะ แบ่งขนมจากชิ้นใหญ่เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น หยิบมาทานแค่วันละชิ้นก็เพียงพอ นอกจากจะไม่ต้องอดแล้ว คุณยังได้กินขนมหวานของดปรดในทุกวันอีกด้วยค่ะ ลองทำดูนะครับ
3. กินดาร์กช็อคโกแลต
ออริจินัลของแท้ ไม่มีน้ำตาลและครีมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ เป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณ ผู้หญิงแบบสุดๆ เพราะนอกจากจะสามารถลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลได้แล้ว ยังช่วยทำให้ผิวพรรณดูสดใสอีกด้วยนะคะ ดีขนาดนี้แล้วจะไม่ลองได้ไงเนอะ
4. ขนมหวานแบบคลีน สูตรน้ำตาลน้อย ไขมันต่ำ
เดี๋ยวนี้นอกจากอาหารคลีนแล้ว ยังมีขนมคลีนมาขายกันเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบราวนี่ถั่วแดง ขนมปังข้าวโอ้ต คุ๊กกี้ธัญพืช และอีกสารพัด บลาๆ บางร้านคำนวณแคลอรี่มาให้เรียบร้อย หมดกังวลว่าจะกินเกินโควต้า ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและสะดวกมากๆ เลยครับ
28 ก.พ. 2559
27 ก.พ. 2559
10 เหตุผล ทำไมควร แว๊กซ์ขน มากกว่าโกน!
ข้อดีข้อเสียของการ แว๊กซ์ขน โกนขนมีแตกต่างกันไป แต่วันนี้เราจะพาไปดูว่าข้อดีของการแว๊กซ์มีดีอย่างไรบ้าง
1. มั่นใจได้ว่าไม่โดนมีดโกนบาดแน่นอน
แว๊กซ์ขน อาจจะเจ็บบ้าง แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่พลาดโดนมีดโกนบาดขึ้นมา นอกจากเจ็บแล้วยังทิ้งร่องรอยของแผลไว้ให้คุณอีกหลายวันด้วย แถมยังมีโอกาสเกิดอันตรายจากการติดเชื้อต่างๆ ถ้าเกิดโดนบาดขึ้นมาด้วย
2. แว๊กซ์ได้หมดจด
เพราะว่าการแว๊กซ์สามารถถอนแบบถอนรากถอนโคนได้มากกว่าการโกน ถ้าคุณโกนขน ขนจะขึ้นมาทุกวันๆ แต่ถ้าแว๊กซ์คุณสามารถอยู่ได้ถึง 2 อาทิตย์
3. ขนที่ขึ้นใหม่ อ่อนนุ่ม บางเบา
เพราะว่าถอนรากถอนโคนขนออกมา ขนที่ขึ้นมาใหม่จากการแว๊กซ์จึงไม่แข็ง แข่งหนา ไม่เหมือนขนที่เกิดจากการโกน
4. ยิ่งแว๊กซ์ความเจ็บยิ่งลดลง
การแว๊กซ์หลายคนอาจจะกลัวเจ็บในตอนแรก แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ บ่อยๆจะพบว่า ความเจ็บจะค่อยๆ ลดลงไปเอง
5. แว๊กซ์ขนแล้วจะได้ผิวเรียบเนียนฝุดๆ
รู้กันอยู่แล้วว่าผิวจากการแว๊กซ์ขนจะเรียบเนียนมากกว่าผิวที่โกนขน เวลาโกนคลำดูที่ผิวจะเป็นตอๆ ไม่เรียบเห็นได้ชัด
6. แว๊กซ์เร็วกว่าโกน
ถ้าเกิดโกนในจุดซ่อนเร้น อาจจะยากลำบากอยู่ ในการต้องค่อยๆ เลาะเล็ม แต่ถ้าใช้การ แว๊กซ์ขน จะรวดเร็วแม่นยำกว่า
7. แว๊กซ์ช่วยขจัดสารพิษ
เพราะการแว๊กซ์จะช่วยเปิดรูขุมขน ขจัดน้ำมัน หรือสารตกค้างในร่างกายได้
8. เลือกแว๊กซ์ที่ดีกับผิวของคุณเองได้
ถ้าคุณมีผิวที่บอบบางการโกนอาจจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น แต่ถ้าคุณเลือกแว๊กซ์คุณสามารถเลือกแว๊กซ์ที่ช่วยป้องกันอาการแพ้ระคายเคืองได้ เช่นเลือกถั่วเหลืองหรือน้ำตาลที่ใช้ในการลดโอกาสของการระคายเคือง
9. แว๊กซ์เรื่อยๆ ขนอาจจะหายไปถาวร
อาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ แต่การ แว๊กซ์ขน ซ้ำๆ บ่อยๆ จะช่วยชะลอการเติบโตของขนได้ จนอาจจะหมดไปได้
10. การแว๊กซ์โอกาสเกิดขนคุดได้น้อยกว่าการโกน
ถ้าเราโกนขนออกไปบ่อยๆ เรื่อยๆ ขนที่งอกขึ้นมาใหม่มีโอกาสจะขึ้นแข็งและไม่ยอมงอกออกมา กลายเป็นขนคุดอักเสบอยู่ที่ผิวได้
26 ก.พ. 2559
เคล็ดลับง่ายๆ ดูแลผมสวยสุขภาพดี ให้เหมาะกับสภาพผม
มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตา รวมไปถึงลักษณะของเส้นผม ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของใบหน้า ที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น ได้ตั้งแต่แรกเจอ ผู้หญิงเราจึงมักให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาเส้นผมเป็นอันดับแรกๆ เริ่มตั้งแต่การคิดประดิษฐ์ ทรงผมให้เข้ากับรูปหน้า การจัดแต่งทรงผมให้สวยเก๋ในทุกมุมมอง ตลอดจนการบำรุงเส้นผมให้แลดูสวยสุขภาพดีอยู่ เสมอ แพนทีน จึงขออาสามาไขความกระจ่างพร้อมแนะนำเคล็ดลับในการดูแลและบำรุงเส้นผมที่เหมาะกับลักษณะ ของเส้นผมที่ต่างกัน
ทำความรู้จักลักษณะของเส้นผม
สาวๆ ควรทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพเส้นผมของตนเอง เพราะการออกแบบทรงผม การจัดแต่งทรงผม ตลอด จนการดูแลรักษาเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องคำนึงถึงชนิดของเนื้อเส้นผมให้มากที่สุด
– สำหรับสาวๆ ที่มีผมเส้นเล็ก มักพบกับปัญหาการจัดแต่งทรงยาก เซ็ทผมแล้วไม่ทน อาจลองไว้ผมบ๊อบสั้นสไลด์ปลาย ก็สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่ม ให้ทรงผมดูหนาขึ้นได้เป็นอย่างดี.
– สำหรับผมที่มีลักษณะผมเส้นใหญ่ มักเข้าได้ดีกับการเซ็ทด้วยโรลม้วนผม หรือการดัด ผม เพราะจะช่วยทำให้ผมดูอยู่ทรงยิ่งขึ้น แต่เส้นผมชนิดนี้มักขาดความเงางาม จึงควรหมั่นบำรุงเส้นผมด้วยคอนดิชัน เนอร์เป็นประจำทุกวัน.
– เส้นผมอีกประเภทที่ดูแลยาก และต้องการการบำรุงอยู่เสมอ คือ ผมหยักศก เพราะเป็นประเภท เส้นผมที่มีสปริงค่อนข้างมาก ทำให้เซ็ทผมได้ยากกว่าผมชนิดอื่นๆ
.
เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผม
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมส่วนใหญ่ ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและทดลองมาเพื่อให้เหมาะกับ สภาพเส้นผมที่แตกต่างกัน จึงนับเป็นข้อดีของเรา ที่มีโอกาสได้เลือกใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่สามารถช่วยบำรุง เส้นผมและหนังศีรษะของเราได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมที่ผ่านการดัด ทำสี และโดนความร้อนมาอย่างโชกโชน เส้นผมแห้ง แตกปลาย ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้น หรือแม้แต่เส้นผมเปราะบาง ขาดร่วงง่าย ที่ต้องการเสริมสร้างความ แข็งแรงจากรากสู่ปลายผม โดยหมั่นทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผมของตนเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เส้นผมของเรากลับมาแข็งแรงและมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง
ดูแลรักษาเส้นผมให้ถูกต้องตามขั้นตอน
การทำความสะอาดและบำรุงเส้นผม ดูเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันง่ายๆ ที่ทุกคนคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี แต่หากทำ อย่างผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหารังแค เชื้อราบนหนังศีรษะ และผมขาด หลุดร่วง เป็นต้น เริ่มที่ขั้นตอนแรก คือ การหวีผมก่อนสระ เพื่อลดการพันกันของเส้นผม และช่วยกระตุ้น การไหลเวียนของเลือดเพื่อไปเลี้ยงเส้นผม จากนั้นจึงใช้น้ำสะอาดล้างผมก่อนสระ เพื่อชะล้างน้ำมันและสิ่งสกปรกออก แล้วจึงตามด้วยการสระผมด้วยน้ำในอุณหภูมิห้อง โดยถูแชมพูสระผมกับฝ่ามือก่อน เพื่อช่วยลดปริมาณสารเคมีของ เนื้อครีมไม่ให้สัมผัสกับหนังศีรษะโดยตรง และใช้คอนดิชันเนอร์นวดหนังศีรษะและเส้นผมทุกครั้งหลังสระผมเพื่อให้สารบำรุงสามารถซึมเข้าสู่เส้นผมได้เป็นอย่างดี เพียงวิธีง่ายๆ แค่นี้ก็จะได้เส้นผมที่มีสุขภาพดีในสไตล์ที่ใช่คุณ
ทำความรู้จักลักษณะของเส้นผม
สาวๆ ควรทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพเส้นผมของตนเอง เพราะการออกแบบทรงผม การจัดแต่งทรงผม ตลอด จนการดูแลรักษาเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องคำนึงถึงชนิดของเนื้อเส้นผมให้มากที่สุด
– สำหรับสาวๆ ที่มีผมเส้นเล็ก มักพบกับปัญหาการจัดแต่งทรงยาก เซ็ทผมแล้วไม่ทน อาจลองไว้ผมบ๊อบสั้นสไลด์ปลาย ก็สามารถช่วยเพิ่มวอลลุ่ม ให้ทรงผมดูหนาขึ้นได้เป็นอย่างดี.
– สำหรับผมที่มีลักษณะผมเส้นใหญ่ มักเข้าได้ดีกับการเซ็ทด้วยโรลม้วนผม หรือการดัด ผม เพราะจะช่วยทำให้ผมดูอยู่ทรงยิ่งขึ้น แต่เส้นผมชนิดนี้มักขาดความเงางาม จึงควรหมั่นบำรุงเส้นผมด้วยคอนดิชัน เนอร์เป็นประจำทุกวัน.
– เส้นผมอีกประเภทที่ดูแลยาก และต้องการการบำรุงอยู่เสมอ คือ ผมหยักศก เพราะเป็นประเภท เส้นผมที่มีสปริงค่อนข้างมาก ทำให้เซ็ทผมได้ยากกว่าผมชนิดอื่นๆ
.
เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผม
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมส่วนใหญ่ ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและทดลองมาเพื่อให้เหมาะกับ สภาพเส้นผมที่แตกต่างกัน จึงนับเป็นข้อดีของเรา ที่มีโอกาสได้เลือกใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่สามารถช่วยบำรุง เส้นผมและหนังศีรษะของเราได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมที่ผ่านการดัด ทำสี และโดนความร้อนมาอย่างโชกโชน เส้นผมแห้ง แตกปลาย ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้น หรือแม้แต่เส้นผมเปราะบาง ขาดร่วงง่าย ที่ต้องการเสริมสร้างความ แข็งแรงจากรากสู่ปลายผม โดยหมั่นทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผมของตนเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เส้นผมของเรากลับมาแข็งแรงและมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง
ดูแลรักษาเส้นผมให้ถูกต้องตามขั้นตอน
การทำความสะอาดและบำรุงเส้นผม ดูเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันง่ายๆ ที่ทุกคนคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี แต่หากทำ อย่างผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหารังแค เชื้อราบนหนังศีรษะ และผมขาด หลุดร่วง เป็นต้น เริ่มที่ขั้นตอนแรก คือ การหวีผมก่อนสระ เพื่อลดการพันกันของเส้นผม และช่วยกระตุ้น การไหลเวียนของเลือดเพื่อไปเลี้ยงเส้นผม จากนั้นจึงใช้น้ำสะอาดล้างผมก่อนสระ เพื่อชะล้างน้ำมันและสิ่งสกปรกออก แล้วจึงตามด้วยการสระผมด้วยน้ำในอุณหภูมิห้อง โดยถูแชมพูสระผมกับฝ่ามือก่อน เพื่อช่วยลดปริมาณสารเคมีของ เนื้อครีมไม่ให้สัมผัสกับหนังศีรษะโดยตรง และใช้คอนดิชันเนอร์นวดหนังศีรษะและเส้นผมทุกครั้งหลังสระผมเพื่อให้สารบำรุงสามารถซึมเข้าสู่เส้นผมได้เป็นอย่างดี เพียงวิธีง่ายๆ แค่นี้ก็จะได้เส้นผมที่มีสุขภาพดีในสไตล์ที่ใช่คุณ
25 ก.พ. 2559
ลดน้ำหนัก ให้ถูกวิธี ควรลดเฉพาะมวลไขมัน ด้วย 4 ท่าพื้นฐานนี้
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก คุณผู้หญิงส่วนมากจะนึกถึงการเต้นแอโรบิก การเดิน การวิ่ง หรือการเล่นกีฬาในร่มต่าง ๆ เช่น การว่ายน้ำ การเล่นแบดมินตัน เป็นต้น น้อยคนนักที่จะนึกถึงการออกกำลังกาย ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ในแวดวงของผู้ที่รักสุขภาพ จะทราบดีว่า การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น จะต้องประกอบด้วยการออกกำลังกายสองชนิดร่วมกัน ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) คือการออกกำลังกายต่อเนื่อง หนักพอสมควร เพื่อช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง และการออกกำลังกายชนิดที่สอง เป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้เกิดความทนทานแข็งแรง คนไทยเรียกกันติดปากว่าเล่นกล้าม แต่อันที่จริงแล้วเป็นการออกกำลังกาย ที่เน้นการสร้างความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ (Strength-Training Exercise) การมีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น สตรองขึ้น ก็จะช่วยให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายดีขึ้น ทำให้การควบคุมน้ำหนักของเราง่ายยิ่งขึ้น
การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิผล เราไม่ควรจดจ่อกับน้ำหนักตัวที่ลดลง แต่เราควรจะจดจ่อกับปริมาณไขมันในร่างกายที่ลดลงมากกว่า ถ้าเราจดจ่อเฉพาะน้ำหนักตัวที่ลดลง อาจจะเป็นไปได้ว่าไขมันและกล้ามเนื้อของเราหายไปพร้อม ๆ กัน
การลดน้ำหนักที่ดี ควรลดเฉพาะมวลไขมัน รักษามวลกล้ามเนื้อไม่ให้ลดลง เพื่อรักษาการเผาผลาญของร่างกายให้อยู่ในระดับที่ดี การที่มวลกล้ามเนื้อลดลงไปพร้อมกับน้ำหนักตัวจะทำให้อัตราการเผาผลาญต่อวันลดลงไปด้วย ทำให้การลดน้ำหนักระยะยาวมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก จะทำอย่างไรจึงจะลดน้ำหนักโดยยังรักษามวลกล้ามเนื้อ และมัดกล้ามเนื้อเอาไว้ได้ คำตอบก็คือต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิก สลับกับการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ เราสามารถออกกำลังกายโดยอาศัยแรงต้านจากน้ำหนักตัวของเราเองได้ที่บ้าน โดยเริ่มได้จาก 4 ท่าพื้นฐานดังนี้
ท่านั่งยอง (Squat) เป็นท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหลายส่วน ตั้งแต่กล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าขา หลังขา สะโพก และน่อง เริ่มจากการยืน แยกขาออกเล็กน้อย ให้ระยะห่างปลายเท้าเท่ากับความกว้างช่วงไหล่ของตัวเอง ยืดอก แขม่วพุง หลังตรง หย่อนสะโพกลงเหมือนกำลังหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ยื่นมือออกไปด้านหน้าเพื่อช่วยพยุงตัว ทิ้งน้ำหนักสะโพกไปทางด้านหลัง พยายามอย่าให้เข่าเลยปลายเท้า เกร็งค้างไว้สักครู่ ค่อย ๆ ดึงสะโพกกลับ เหยียดขาขึ้นยืนตรง ทำ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท และเมื่อชำนาญแล้วสามารถถือดัมเบลเพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น
ท่าย่อเข่า (Lunges) เป็นท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหลายส่วนเช่นเดียวกับท่านั่งยอง โดยช่วยฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าขา หลังขา สะโพก และน่อง เริ่มจากการยืน แยกขาออกเล็กน้อย ให้ระยะห่างปลายเท้าเท่ากับความกว้างช่วงไหล่ของตัวเอง เอามือเท้าเอว ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าประมาณ 1 เมตร เปิดส้นเท้าขวา ทิ้งน้ำหนักแกนกลางตัวย่อลงบนพื้น ให้เข่าขวาเกือบแตะกับพื้น ดึงตัวขึ้นพร้อมชักเท้าซ้ายกลับเป็นท่ายืนตรงอีกครั้ง สลับก้าวเท้าขวามาด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าซ้ายเกือบแตะกับพื้น และดึงตัวขึ้น พร้อมชักเท้าขวากลับเป็นท่าตรง นับเป็น 1 ครั้ง ควรทำ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท และเมื่อชำนาญแล้วสามารถถือดัมเบลเพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น
ท่าหย่อนตัว (Dips) เป็นท่าที่ใช้ฝึกกล้ามเนื้อหลังแขน (Triceps) คุณแม่บ้านที่ท้องแขนห้อยเป็นท้องปลาผมแนะนำให้ทำทุกวัน เริ่มด้วยการนั่งที่ขอบเก้าอี้ ใช้สองมือจับขอบเก้าอี้หรือขอบเตียง ข้างลำตัว เหยียดขาทั้งสองข้างออกไปจนเกือบสุด วางเท้าบนพื้นเต็มฝ่าเท้า หลังตรง แขม่วพุง ค่อย ๆ เลือนสะโพกออกจากที่นั่ง เกร็งแขนแล้วหย่อนสะโพกลงจากขอบเก้าอี้ให้หลังชิดกับขอบเก้าอี้ลงมา พยายามหย่อนก้นจนเกือบติดพื้น เกร็งไว้ที่ตำแหน่งนั้นสักครู่แล้วยกสะโพกขึ้นจนถึงระดับขอบเก้าอี้ นับเป็น 1 ครั้ง หย่อนสะโพกลงอีกครั้งจนครบ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท
ท่าวิดพื้น (Push-Up) เป็นท่าฝึกกล้ามเนื้อหน้าอก (Pec) หน้าแขน (Biceps) หลังแขน (Triceps) และไหล่ (Deltoid) วิธีทำคือนอนคว่ำบนพื้น ลำตัวเหยียดตรง ฝ่ามือสองข้างทาบพื้นระดับใต้หัวไหล่ แล้วค่อย ๆ เกร็งแขนยกลำตัวขึ้นจนเหยียดแขนได้ตรง จากนั้นจึงค่อย ๆ งอแขนเพื่อลดลำตัวลงไปอยู่ในท่าเริ่มต้นใหม่ ในกรณีที่กำลังแขนยังไม่พอให้วางเข่าแตะกับพื้นได้ ทำ 10 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท
ในแวดวงของผู้ที่รักสุขภาพ จะทราบดีว่า การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น จะต้องประกอบด้วยการออกกำลังกายสองชนิดร่วมกัน ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) คือการออกกำลังกายต่อเนื่อง หนักพอสมควร เพื่อช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง และการออกกำลังกายชนิดที่สอง เป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้เกิดความทนทานแข็งแรง คนไทยเรียกกันติดปากว่าเล่นกล้าม แต่อันที่จริงแล้วเป็นการออกกำลังกาย ที่เน้นการสร้างความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ (Strength-Training Exercise) การมีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น สตรองขึ้น ก็จะช่วยให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายดีขึ้น ทำให้การควบคุมน้ำหนักของเราง่ายยิ่งขึ้น
การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิผล เราไม่ควรจดจ่อกับน้ำหนักตัวที่ลดลง แต่เราควรจะจดจ่อกับปริมาณไขมันในร่างกายที่ลดลงมากกว่า ถ้าเราจดจ่อเฉพาะน้ำหนักตัวที่ลดลง อาจจะเป็นไปได้ว่าไขมันและกล้ามเนื้อของเราหายไปพร้อม ๆ กัน
การลดน้ำหนักที่ดี ควรลดเฉพาะมวลไขมัน รักษามวลกล้ามเนื้อไม่ให้ลดลง เพื่อรักษาการเผาผลาญของร่างกายให้อยู่ในระดับที่ดี การที่มวลกล้ามเนื้อลดลงไปพร้อมกับน้ำหนักตัวจะทำให้อัตราการเผาผลาญต่อวันลดลงไปด้วย ทำให้การลดน้ำหนักระยะยาวมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก จะทำอย่างไรจึงจะลดน้ำหนักโดยยังรักษามวลกล้ามเนื้อ และมัดกล้ามเนื้อเอาไว้ได้ คำตอบก็คือต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิก สลับกับการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ เราสามารถออกกำลังกายโดยอาศัยแรงต้านจากน้ำหนักตัวของเราเองได้ที่บ้าน โดยเริ่มได้จาก 4 ท่าพื้นฐานดังนี้
ท่านั่งยอง (Squat) เป็นท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหลายส่วน ตั้งแต่กล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าขา หลังขา สะโพก และน่อง เริ่มจากการยืน แยกขาออกเล็กน้อย ให้ระยะห่างปลายเท้าเท่ากับความกว้างช่วงไหล่ของตัวเอง ยืดอก แขม่วพุง หลังตรง หย่อนสะโพกลงเหมือนกำลังหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ยื่นมือออกไปด้านหน้าเพื่อช่วยพยุงตัว ทิ้งน้ำหนักสะโพกไปทางด้านหลัง พยายามอย่าให้เข่าเลยปลายเท้า เกร็งค้างไว้สักครู่ ค่อย ๆ ดึงสะโพกกลับ เหยียดขาขึ้นยืนตรง ทำ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท และเมื่อชำนาญแล้วสามารถถือดัมเบลเพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น
ท่าย่อเข่า (Lunges) เป็นท่าสำหรับฝึกกล้ามเนื้อหลายส่วนเช่นเดียวกับท่านั่งยอง โดยช่วยฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าขา หลังขา สะโพก และน่อง เริ่มจากการยืน แยกขาออกเล็กน้อย ให้ระยะห่างปลายเท้าเท่ากับความกว้างช่วงไหล่ของตัวเอง เอามือเท้าเอว ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าประมาณ 1 เมตร เปิดส้นเท้าขวา ทิ้งน้ำหนักแกนกลางตัวย่อลงบนพื้น ให้เข่าขวาเกือบแตะกับพื้น ดึงตัวขึ้นพร้อมชักเท้าซ้ายกลับเป็นท่ายืนตรงอีกครั้ง สลับก้าวเท้าขวามาด้านหน้า ย่อตัวลงให้เข่าซ้ายเกือบแตะกับพื้น และดึงตัวขึ้น พร้อมชักเท้าขวากลับเป็นท่าตรง นับเป็น 1 ครั้ง ควรทำ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท และเมื่อชำนาญแล้วสามารถถือดัมเบลเพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงมากขึ้น
ท่าหย่อนตัว (Dips) เป็นท่าที่ใช้ฝึกกล้ามเนื้อหลังแขน (Triceps) คุณแม่บ้านที่ท้องแขนห้อยเป็นท้องปลาผมแนะนำให้ทำทุกวัน เริ่มด้วยการนั่งที่ขอบเก้าอี้ ใช้สองมือจับขอบเก้าอี้หรือขอบเตียง ข้างลำตัว เหยียดขาทั้งสองข้างออกไปจนเกือบสุด วางเท้าบนพื้นเต็มฝ่าเท้า หลังตรง แขม่วพุง ค่อย ๆ เลือนสะโพกออกจากที่นั่ง เกร็งแขนแล้วหย่อนสะโพกลงจากขอบเก้าอี้ให้หลังชิดกับขอบเก้าอี้ลงมา พยายามหย่อนก้นจนเกือบติดพื้น เกร็งไว้ที่ตำแหน่งนั้นสักครู่แล้วยกสะโพกขึ้นจนถึงระดับขอบเก้าอี้ นับเป็น 1 ครั้ง หย่อนสะโพกลงอีกครั้งจนครบ 10-13 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท
ท่าวิดพื้น (Push-Up) เป็นท่าฝึกกล้ามเนื้อหน้าอก (Pec) หน้าแขน (Biceps) หลังแขน (Triceps) และไหล่ (Deltoid) วิธีทำคือนอนคว่ำบนพื้น ลำตัวเหยียดตรง ฝ่ามือสองข้างทาบพื้นระดับใต้หัวไหล่ แล้วค่อย ๆ เกร็งแขนยกลำตัวขึ้นจนเหยียดแขนได้ตรง จากนั้นจึงค่อย ๆ งอแขนเพื่อลดลำตัวลงไปอยู่ในท่าเริ่มต้นใหม่ ในกรณีที่กำลังแขนยังไม่พอให้วางเข่าแตะกับพื้นได้ ทำ 10 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ทำวันละประมาณ 3 เซ็ท
24 ก.พ. 2559
กรีดอายไลเนอร์ แบบมือใหม่ ทำอย่างนี้ซิ สวยเป๊ะ!!
มือใหม่หัด กรีดอายไลเนอร์ คงกลุ้มใจว่าจะเริ่มจากตรงไหนนี้ ด้วยความที่เป็นมือใหม่หัดแต่งหน้าจึงมือไม่นิ่งพอที่จะเขียนตาให้เท่ากันทั้งสองข้าง เรามีเคล็ดลับการเขียนอายไลเนอร์แบบง่ายๆ แม้วิธีจะแตกต่างแต่ได้ผลลัพธ์ที่สวยเหมือนกันนะจ๊ะ…
ขั้นตอนแรก ให้วาดเส้นปะ 3 เส้น ให้ชิดขอบตามากที่สุด เริ่มตั้งแต่หัว กลาง ท้าย
ขั้นตอนที่ 2 ค่อยๆ เขียนเส้นบางๆ เพื่อเชื่อมรอยต่อทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 3 เขียนอายไลเนอร์ทับอีกครั้งแต่ให้เส้นหนาขึ้น เพื่อให้กลมกลืนเป็นเส้นเดียวกัน
ขั้นตอนแรก ให้วาดเส้นปะ 3 เส้น ให้ชิดขอบตามากที่สุด เริ่มตั้งแต่หัว กลาง ท้าย
ขั้นตอนที่ 2 ค่อยๆ เขียนเส้นบางๆ เพื่อเชื่อมรอยต่อทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 3 เขียนอายไลเนอร์ทับอีกครั้งแต่ให้เส้นหนาขึ้น เพื่อให้กลมกลืนเป็นเส้นเดียวกัน
แค่นี้ก็สวยได้แบบมั่นใจแล้วครับ วิธีนี้สามารถดัดแปลงได้กับอายไลเนอร์ทุกชนิด ทั้งแบบน้ำ หรือ เนื้อเจล
23 ก.พ. 2559
สูตรลับ!! มะเขือเทศ ช่วยกระชับรูขุมขน ผิวสดใสเปล่งปลั่ง
มะเขือเทศเป็นราชินีแห่งผักผลไม้ อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึมซาบเข้าเข้าสู่ผิวได้ดี ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่อ่อนแอจากวัย แสงแดด และความเครียด ฟื้นฟูผิวให้สวยนุ่ม เปล่งปลั่ง ผิวละเอียดเรียบเนียน เนื่องจากคุณสมบัติของมะเขือเทศที่จะช่วยทำให้ผิวเย็นและกระชับรูขุมขน
ส่วนผสม
น้ำมะเขือเทศคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ใช้สำลีชุบน้ำมะเขือเทศกับน้ำมะนาวที่ผสมไว้ วางสำลีบนผิวบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วใช้น้ำอุ่นเกือบเย็นล้างออกเพื่อทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น
ประโยชน์
ใช้วิธีนี้ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก็จะเห็นว่าใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง และทำให้รูขุมขนหดตัวลง
ส่วนผสม
น้ำมะเขือเทศคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ใช้สำลีชุบน้ำมะเขือเทศกับน้ำมะนาวที่ผสมไว้ วางสำลีบนผิวบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วใช้น้ำอุ่นเกือบเย็นล้างออกเพื่อทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น
ประโยชน์
ใช้วิธีนี้ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก็จะเห็นว่าใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง และทำให้รูขุมขนหดตัวลง
21 ก.พ. 2559
สระผมผิดวิธี มาตลอดชีวิต ใครเป็นเหมือนกัน เปลี่ยนวิธีด่วนๆ
เป็นเหมือนกันไหมครับ ตื่นเช้ามา ในสภาพหัวฟู ผมพันกันยุ่งเหยิง แล้วค่อยๆเดินต้วมเตี้ยมเข้าห้องน้ำไม่ต่างกับซอมบี้ เพื่ออาบน้ำสระผม ก่อนไปทำงานทุกวัน ผิดครับ! บอกเลยว่า คุณกำลังทำผิด! โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเรา ที่เรื่องเส้นผม สำคัญไม่น้อยไปกว่าใบหน้าที่คุณสาวๆ บรรจงประคบครีมทั้งก่อนนอนและตอนเช้า อย่าละเลยเรื่องการดูแลผมให้ถูกวิธีเข้าไปด้วยครับ และ ความลับเกี่ยวกับ เส้นผม ที่เราจะมากระซิบบอกในวันนี้ ที่คุณสาวๆ ต้องรู้จริง นั่นก็คือหลายคน สระผมผิดวิธี มาตลอดชีวิต! อ่าว! แล้ววิธีที่ถูกมันคืออะไรล่ะ ตามมาดูกันเลยครับ
สเต็ปที่ 1 : ควร! หวีผมก่อนจะไปสระผม เพื่อคลายเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยก่อนจะไปสระผม เพราะว่า เส้นผมของเราจะอ่อนแอที่สุดตอนที่มันเปียกน้ำ และหากไปกระชากความยุ่งเหยิงออกจากการในตอนที่ผมเปียก มันคงจะขาดเปราะได้นั่นเอง
สเต็ปที่ 2 : ใช้น้ำอุ่นๆล้างเส้นผมเส้นสะอาด ย้ำว่าอุ่นๆ ไม่ร้อนเกินไป เพราะหนังศรีษะจะแห้ง ที่แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นๆ เพื่อจะช่วยให้เตรียมเปิดรูขุมขนที่หนังศรีษะให้ทำความสะอาดได้ทั่วถึง
สเต็ปที่ 3 : บีบแชมพู เท่าเหรียญบาท! ใครผมเยอะ อนุโลมให้ เหรียญสิบ ถามว่าแค่นี้จะไปพอทั่วหัวได้ยังไง คำตอบก็คือ เราจะใช้แชมพู นวดที่บริเวณหนังศรีษะเป็นหลักยังไงล่ะจ๊ะ วิธีก็คือ เมื่อได้แชมพูแล้ว ถูๆบนมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วนวดที่หนังศรีษะจนทั่ว เน้นเฉพาะหนังหัวเท่านั้น ยังไม่ต้องไปสนใจเส้นผมทั้งหัว เชื่อสิ่! แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้หมด
สเต็ปที่ 4 : ใช้คอนดิชั่นเนอร์ หรือ ครีมนวดผม ก่อนที่จะหยิบครีมนวดให้แน่ใจว่าบีบน้ำออกจากเส้นผมให้หมาดที่สุด แล้วนำครีมนวดผม มานวดที่เส้นผม ตั้งแต่กลางไปจนถึงปลาย ไม่นวดที่หนังศรีษะนะครับ! เพราะนั่นจะเป็นเหตุให้หนังศรีษะเกิดน้ำมันเร็ว หรือว่าง่ายๆก็หัวมันเร็วนั่นแหล่ะ
สเต็ปที่ 5 : ล้างออกด้วยน้ำเย็น ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากคุณให้น้ำเย็นเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการสระผม ล้างออกด้วยน้ำเย็นให้สะอาดหมดจดแล้ว อุณหภูมิของน้ำจะช่วยปิดรูขุมขนและช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศรีษะคุณจากการบำรุงทั้งหมดไว้ตลอดทั้งวันได้อย่างถูกต้อง แล้วก็เป่าผมให้แห้ง หากใช้ไดร์เป่าผม ให้เป่าจากโคนผมแล้วไล่ไปปลายผม โดยสบัดไดร์ไปมา อย่าจ่อหยุดค้างไว้ที่ใดที่หนึ่งนานๆ เพราะจะทำให้ผมโดนความร้อนทำร้ายได้
ทั้งหมดนี้ ก็คือ ขั้นตอนและวิธีการ สระผมที่ถูกวิธี นั่นเอง เป็นไงล่ะ ใครบ้างที่สระผมผิดวิธีมาตลอด เกือบทุกคนเลยใช่ม๊าาา รู้แล้วหลังจากนี้ ก็มาสระผมให้ถูกกันนะจ๊ะ เพื่อสุขภาพผมที่สลวยสวยเก๋ เงางามรับกับหน้าสวยๆของเรา โน๊ะ!
แถมอีกนิดการเลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศรีษะก็มีส่วนช่วยให้เส้นผมของคุณสาวๆ มีสุขภาพแข็งแรงด้วยนะครับ
สเต็ปที่ 1 : ควร! หวีผมก่อนจะไปสระผม เพื่อคลายเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยก่อนจะไปสระผม เพราะว่า เส้นผมของเราจะอ่อนแอที่สุดตอนที่มันเปียกน้ำ และหากไปกระชากความยุ่งเหยิงออกจากการในตอนที่ผมเปียก มันคงจะขาดเปราะได้นั่นเอง
สเต็ปที่ 2 : ใช้น้ำอุ่นๆล้างเส้นผมเส้นสะอาด ย้ำว่าอุ่นๆ ไม่ร้อนเกินไป เพราะหนังศรีษะจะแห้ง ที่แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นๆ เพื่อจะช่วยให้เตรียมเปิดรูขุมขนที่หนังศรีษะให้ทำความสะอาดได้ทั่วถึง
สเต็ปที่ 3 : บีบแชมพู เท่าเหรียญบาท! ใครผมเยอะ อนุโลมให้ เหรียญสิบ ถามว่าแค่นี้จะไปพอทั่วหัวได้ยังไง คำตอบก็คือ เราจะใช้แชมพู นวดที่บริเวณหนังศรีษะเป็นหลักยังไงล่ะจ๊ะ วิธีก็คือ เมื่อได้แชมพูแล้ว ถูๆบนมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วนวดที่หนังศรีษะจนทั่ว เน้นเฉพาะหนังหัวเท่านั้น ยังไม่ต้องไปสนใจเส้นผมทั้งหัว เชื่อสิ่! แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้หมด
สเต็ปที่ 4 : ใช้คอนดิชั่นเนอร์ หรือ ครีมนวดผม ก่อนที่จะหยิบครีมนวดให้แน่ใจว่าบีบน้ำออกจากเส้นผมให้หมาดที่สุด แล้วนำครีมนวดผม มานวดที่เส้นผม ตั้งแต่กลางไปจนถึงปลาย ไม่นวดที่หนังศรีษะนะครับ! เพราะนั่นจะเป็นเหตุให้หนังศรีษะเกิดน้ำมันเร็ว หรือว่าง่ายๆก็หัวมันเร็วนั่นแหล่ะ
สเต็ปที่ 5 : ล้างออกด้วยน้ำเย็น ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะหากคุณให้น้ำเย็นเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการสระผม ล้างออกด้วยน้ำเย็นให้สะอาดหมดจดแล้ว อุณหภูมิของน้ำจะช่วยปิดรูขุมขนและช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศรีษะคุณจากการบำรุงทั้งหมดไว้ตลอดทั้งวันได้อย่างถูกต้อง แล้วก็เป่าผมให้แห้ง หากใช้ไดร์เป่าผม ให้เป่าจากโคนผมแล้วไล่ไปปลายผม โดยสบัดไดร์ไปมา อย่าจ่อหยุดค้างไว้ที่ใดที่หนึ่งนานๆ เพราะจะทำให้ผมโดนความร้อนทำร้ายได้
ทั้งหมดนี้ ก็คือ ขั้นตอนและวิธีการ สระผมที่ถูกวิธี นั่นเอง เป็นไงล่ะ ใครบ้างที่สระผมผิดวิธีมาตลอด เกือบทุกคนเลยใช่ม๊าาา รู้แล้วหลังจากนี้ ก็มาสระผมให้ถูกกันนะจ๊ะ เพื่อสุขภาพผมที่สลวยสวยเก๋ เงางามรับกับหน้าสวยๆของเรา โน๊ะ!
แถมอีกนิดการเลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศรีษะก็มีส่วนช่วยให้เส้นผมของคุณสาวๆ มีสุขภาพแข็งแรงด้วยนะครับ
16 ก.พ. 2559
เปลี่ยนลุคเป็นหนุ่มเนิร์ดสุดชิค ด้วยเทคนิคการเลือกแว่นตาให้รับกับใบหน้า
เคยตื่นมาส่องส่องกระจกแล้วรู้สึกเบื่อหน้าตัวเองจนอยากจะลองเปลี่ยนลุคดูบ้าง ลองแว่นตาเจ๋งๆ สักอันก็ช่วยได้เยอะเลย เป็นไอเทมที่ง่ายแล้วเปลี่ยนลุคได้ทันที วันนี้ผม จะพาไปเลือกแว่นซักอัน กับเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกแว่นตาที่รับกับใบหน้า มาเปลี่ยนลุคเป็นหนุ่มเนิร์ดสุดชิคกันดีกว่า
สำหรับหนุ่มที่ใบหน้ารูปรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ควรเลือกกรอบควรเลือกกรอบเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีความโค้งมนเล็กน้อย จะช่วยชดเชยความยาวใบหน้าคุณได้
ส่วนพ่อหนุ่มใบหน้ารูปไข่ ช่างโชคดีจริงๆ ที่ไม่ว่าใส่แว่นตาทรงไหนก็ดูดีไปซะหมด สามารถใส่ได้ทั้งทรงเหลี่ยม โค้ง กลม งั้นลองเลือกแว่นตาที่กว้างกว่าส่วนที่กว้างที่สุดในใบหน้าของคุณดูนะครับ
และใบหน้ารูปสามเหลี่ยมนั้น แว่นตาที่เหมาะสมกับคุณคือ แว่นตาที่มีกรอบด้านบนเพียงด้านเดียวครับ จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างรูปทรงใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปหัวใจ จะมีส่วนบริเวณหน้าผากและแก้มที่กว้าง ในขณะที่ขากรรไกรและปลายคางจะค่อนข้างแหลมและแคบ เพราะฉะนั้นเวลาเลือกทรงของกรอบแว่น ควรเลือกกรอบที่ด้านบนกว้างกว่าด้านล่างซะหน่อย รับรองออกมาดูดีแน่นอน
ใบหน้ารูปไดมอน จะมึจุดเด่นที่โหนกแก้ม ดังนั้นจึงควรเลือกแว่นที่มีกรอบหนาเพื่อหน้าดูสมดุลขึ้น จะเป็นทรงกลม ทรงรี ก็ดีดูไปอีกแบบ
หนุ่มใบหน้ากลม กรอบที่ใช้ควรแคบและเป็นมุมเฉียงเล็กน้อย จะทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น และห้ามเด็ดขาดเลยนะครับกับกรอบแบบกลม จะทำให้หน้าดูใหญ่เกินจริง ฮ่าๆ
สุดท้ายหนุ่มใบหน้าสี่เหลี่ยม กรอบแว่นตาที่ใช้ควรมีความยาวในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง หรือจะลองเลือกกรอบรูปไข่ก็ออกมาดูดีไปอีกแบบ
สำหรับหนุ่มที่ใบหน้ารูปรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ควรเลือกกรอบควรเลือกกรอบเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีความโค้งมนเล็กน้อย จะช่วยชดเชยความยาวใบหน้าคุณได้
ส่วนพ่อหนุ่มใบหน้ารูปไข่ ช่างโชคดีจริงๆ ที่ไม่ว่าใส่แว่นตาทรงไหนก็ดูดีไปซะหมด สามารถใส่ได้ทั้งทรงเหลี่ยม โค้ง กลม งั้นลองเลือกแว่นตาที่กว้างกว่าส่วนที่กว้างที่สุดในใบหน้าของคุณดูนะครับ
และใบหน้ารูปสามเหลี่ยมนั้น แว่นตาที่เหมาะสมกับคุณคือ แว่นตาที่มีกรอบด้านบนเพียงด้านเดียวครับ จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างรูปทรงใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปหัวใจ จะมีส่วนบริเวณหน้าผากและแก้มที่กว้าง ในขณะที่ขากรรไกรและปลายคางจะค่อนข้างแหลมและแคบ เพราะฉะนั้นเวลาเลือกทรงของกรอบแว่น ควรเลือกกรอบที่ด้านบนกว้างกว่าด้านล่างซะหน่อย รับรองออกมาดูดีแน่นอน
ใบหน้ารูปไดมอน จะมึจุดเด่นที่โหนกแก้ม ดังนั้นจึงควรเลือกแว่นที่มีกรอบหนาเพื่อหน้าดูสมดุลขึ้น จะเป็นทรงกลม ทรงรี ก็ดีดูไปอีกแบบ
หนุ่มใบหน้ากลม กรอบที่ใช้ควรแคบและเป็นมุมเฉียงเล็กน้อย จะทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น และห้ามเด็ดขาดเลยนะครับกับกรอบแบบกลม จะทำให้หน้าดูใหญ่เกินจริง ฮ่าๆ
สุดท้ายหนุ่มใบหน้าสี่เหลี่ยม กรอบแว่นตาที่ใช้ควรมีความยาวในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง หรือจะลองเลือกกรอบรูปไข่ก็ออกมาดูดีไปอีกแบบ
How to : ทาปากไล่เฉดสี สไตล์ KOREAN GRADIENT LIPS
วันนี้จะมา Step by Step ในการทาปากของเราให้สวย ด้วยเทคนิคการทาลิปสติกแบบไล่เฉดสีลิปกันน้ะค้ะ อันนี้จะเป็นโทน สดใส สไตล์เกาหลี เราสามารถนำเทคนิคและวิธีการไปประยุกต์ทากับลิปหลายๆสีที่เรามีได้เลยจร้า เพิ่มมิติ และไม่จำเจ ทาแล้วสวย น่ารัก (แล้วแต่เฉด)แต่ที่แน่ๆทำให้ชีวิตมีสีสันและก็ทำกันได้ง่ายๆจริงๆครับ ไปดูกันเลยจร้า
ขั้นตอน
1.ทาคอนซิลเลอร์ที่ขอบปาก หรือสีนู๊ดๆ
(แบรนด์ที่เค้าใช้ มี MTI / In2it/ลิปสีนู๊ด Canmake) อันนี้แล้วแต่สะดวกเรยจร้าาา
2.ทาลิปสีเข้มๆหรือสีสดๆ ที่กลางปาก เกลี่ยนจาก ด้านใน ออกข้างนอก (ขอบนอกต้องสีอ่อนๆน้ะค้ะ ด้านในใช้ได้ทุกสีน้ะครับ แดง ส้ม ชมพู ขอแค่ให้สดๆก็พอครับ)
3.ระบายตรงรอยต่อระหว่างสีอ่อนกันสีเข้มและขอบปากให้เนียนสมูทเข้าหากัน
4.สามารถใช้นิ้วในการเกลี่ยเพื่อความเรียบเนียนได้นะครับ
จั่นนนนน…เสร็จแล้วครับ
ขั้นตอน
1.ทาคอนซิลเลอร์ที่ขอบปาก หรือสีนู๊ดๆ
(แบรนด์ที่เค้าใช้ มี MTI / In2it/ลิปสีนู๊ด Canmake) อันนี้แล้วแต่สะดวกเรยจร้าาา
2.ทาลิปสีเข้มๆหรือสีสดๆ ที่กลางปาก เกลี่ยนจาก ด้านใน ออกข้างนอก (ขอบนอกต้องสีอ่อนๆน้ะค้ะ ด้านในใช้ได้ทุกสีน้ะครับ แดง ส้ม ชมพู ขอแค่ให้สดๆก็พอครับ)
3.ระบายตรงรอยต่อระหว่างสีอ่อนกันสีเข้มและขอบปากให้เนียนสมูทเข้าหากัน
4.สามารถใช้นิ้วในการเกลี่ยเพื่อความเรียบเนียนได้นะครับ
จั่นนนนน…เสร็จแล้วครับ
เดี๋ยวไปดูตัวอย่างสีอื่นได้น้ะค้ะ ว่าทาแล้วเป็นยังไง ^^
เป็นไงครับ ดูวิธีการแล้วง่ายๆเลยเน้อะ สวยๆกันไปจร้า เพื่อนก็สามารถนำวิธีการนี้ไปทาลิปได้ง่ายๆ แต่งได้ทุกวันจร้า วันนี้จบการนำเสนอเทคนิคทาสีปากให้น่าจุ๊บสไตล์โคเรียๆเพียงเท่านี้ ^.^
10 แบบ 10 ไตล์ มัดผมหางม้าสูง สวยได้ไม่ซ้ำวัน
ทรงผมหางม้าสูงเป็นทรงทำที่สาวๆสามารถทำได้ทุกวัน แถมยังทำง่าย สะดวกรวดเร็ว แค่มีกิ๊บหรือโบว์น่ารักๆ ก็ทำให้ทรงผมดูชิคขึ้น แต่ถ้าทำทรงผมเดิมๆทุกวันคงดูน่าเบื่อมาเพิ่มความสนุกด้วยการถักเปียเก๋ๆกันดีกว่า…
1.The sleek: แค่ดึงผมมาช่อหนึ่งแล้วค่อยๆพันรอบยางรัดผมแค่นี้ก็สวยเก๋แล้ว
2.The fishtail คือ การถักเปียก้างปลา
3.The teased: การยีผมหางม้าให้พองฟูขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มวอลลุ่ม ผมจะดูไม่แห้งลีบจนเกินไป
4.The 3D braid: การถักเปียแบบ 3D ให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น
5.The knotted: เป็นอีกทรงผมที่เรียบง่ายๆ ทำออกงานก็ยังได้
6.The rope braid: แบ่งผมหางม้าออกเป็น 2 ช่อ แล้วหมุนผมทีละช่อ จากนั้นก็นำผมมาไขว้กันจนสุดปลายผม
7.The minibraid: แบ่งผมหางม้าออกเป็น 3 ช่อ ช่อตรงกลางจะต้องเป็นช่อที่เล็กที่สุดแล้วนำมาถักเปียให้เรียบร้อย จากนั้นนำผมทั้ง 3 ช่อมาถักเป็นเกลียวผมให้สวยงาม
8.The pull out braid: เป็นการถักผมเปียสไตล์ฝรั่งเศส เพียงแค่คุณดึงผมเปียคลายออกเล็กน้อยก็สวยเริ่ดแล้ว
9.The multi-elastic: เริ่มจากยีผมหางม้าให้พองฟูขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้ยางรัดผมหางม้าโดยแบ่งเว้นระยะเป็นช่วงๆให้เท่ากัน
10.The organic mini braids: วิธีนี้ง่ายๆเพียงแค่ถักผมเปียเป็นช่อเล็กๆหลายๆเส้น แค่นี้ก็ดูเก๋สุดๆ
1.The sleek: แค่ดึงผมมาช่อหนึ่งแล้วค่อยๆพันรอบยางรัดผมแค่นี้ก็สวยเก๋แล้ว
2.The fishtail คือ การถักเปียก้างปลา
3.The teased: การยีผมหางม้าให้พองฟูขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มวอลลุ่ม ผมจะดูไม่แห้งลีบจนเกินไป
4.The 3D braid: การถักเปียแบบ 3D ให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น
5.The knotted: เป็นอีกทรงผมที่เรียบง่ายๆ ทำออกงานก็ยังได้
6.The rope braid: แบ่งผมหางม้าออกเป็น 2 ช่อ แล้วหมุนผมทีละช่อ จากนั้นก็นำผมมาไขว้กันจนสุดปลายผม
7.The minibraid: แบ่งผมหางม้าออกเป็น 3 ช่อ ช่อตรงกลางจะต้องเป็นช่อที่เล็กที่สุดแล้วนำมาถักเปียให้เรียบร้อย จากนั้นนำผมทั้ง 3 ช่อมาถักเป็นเกลียวผมให้สวยงาม
8.The pull out braid: เป็นการถักผมเปียสไตล์ฝรั่งเศส เพียงแค่คุณดึงผมเปียคลายออกเล็กน้อยก็สวยเริ่ดแล้ว
9.The multi-elastic: เริ่มจากยีผมหางม้าให้พองฟูขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้ยางรัดผมหางม้าโดยแบ่งเว้นระยะเป็นช่วงๆให้เท่ากัน
10.The organic mini braids: วิธีนี้ง่ายๆเพียงแค่ถักผมเปียเป็นช่อเล็กๆหลายๆเส้น แค่นี้ก็ดูเก๋สุดๆ
14 ก.พ. 2559
ขนตาปลอม เลือกอย่างไร ให้เหมาะกับรูปตา
ถ้าคุณอยากติด ขนตาปลอม ให้สวย ก็อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับรูปตาของคุณด้วย
ดวงตารีเล็ก : ใช้ขนตาแบบที่เป็นช่อเดี่ยว ๆ ติดแซมเฉพาะตรงปลายหางตา เพราะจะสร้างภาพลวงตาให้ดูยาวขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกหางตาที่ดูตกให้ดูดีขึ้นด้วย
ตาโปน : ดึงความสนใจเข้ามาทางด้านใน โดยใช้ ขนตาปลอม แบบที่ช่วงตรงกลางยาว ๆ แล้วใช้ที่ดัดขนตาเพื่อเปิดให้ดูตาโตขึ้น
ตาชั้นเดียว : ควรใช้ ขนตาปลอม แบบแผงที่มีเส้นขนตาไขว้กัน เพื่อทำให้ขนตาดูหนาและงอนมากขึ้น
ตาลึกโหล : ขอแนะนำว่าควรใช้ ขนตาปลอม แบบแถบที่มีเส้นขนตายาวเป็นพิเศษ เพื่อให้ขนตาชี้ออกไปทางด้านนอก
ตารูปอัลมอนด์ : สามารถใช้ ขนตาปลอม ได้ทุกแบบทุกสไตล์ แต่ถ้าอยากให้ดูหรูหราขึ้น ก็เลือกแบบที่ตรงปลายหางตามีขนาดยาวกว่าเลือกขนตาปลอมให้เหมาะกับรูปตา
เลือกขนตาปลอมให้เหมาะกับดวงตาของตัวคุณเองนะครับ เป็นห่วงทุกคนนะ ^.^
ดวงตารีเล็ก : ใช้ขนตาแบบที่เป็นช่อเดี่ยว ๆ ติดแซมเฉพาะตรงปลายหางตา เพราะจะสร้างภาพลวงตาให้ดูยาวขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกหางตาที่ดูตกให้ดูดีขึ้นด้วย
ตาโปน : ดึงความสนใจเข้ามาทางด้านใน โดยใช้ ขนตาปลอม แบบที่ช่วงตรงกลางยาว ๆ แล้วใช้ที่ดัดขนตาเพื่อเปิดให้ดูตาโตขึ้น
ตาชั้นเดียว : ควรใช้ ขนตาปลอม แบบแผงที่มีเส้นขนตาไขว้กัน เพื่อทำให้ขนตาดูหนาและงอนมากขึ้น
ตาลึกโหล : ขอแนะนำว่าควรใช้ ขนตาปลอม แบบแถบที่มีเส้นขนตายาวเป็นพิเศษ เพื่อให้ขนตาชี้ออกไปทางด้านนอก
ตารูปอัลมอนด์ : สามารถใช้ ขนตาปลอม ได้ทุกแบบทุกสไตล์ แต่ถ้าอยากให้ดูหรูหราขึ้น ก็เลือกแบบที่ตรงปลายหางตามีขนาดยาวกว่าเลือกขนตาปลอมให้เหมาะกับรูปตา
เลือกขนตาปลอมให้เหมาะกับดวงตาของตัวคุณเองนะครับ เป็นห่วงทุกคนนะ ^.^
13 ก.พ. 2559
10 เทคนิค ใช้ มาสคาร่า ในชีวิตประจำวัน ให้กลายเป็นเรื่องง่ายและเวิร์คสุดๆ
ในบรรดาเครื่องสำอางทั้งหมดที่คุณจะต้องใช้กับใบหน้าในการแต่งหน้าทุกวัน สาวๆรู้ไหมว่า แค่ มาสคาร่า แท่งเดียว ก็สามารถช่วยทำให้คุณดู ใบหน้าสดชื่น ทำให้ดวงตาดูสดใสเปิดกว้าง เปลี่ยนลุคเหน็ดเหนื่อยได้เพียง มาสคาร่า แท่งเดียว ดังนั้น วันนี้เราเลยมีเทคนิคพื้นฐาน ที่สาวๆอย่างเราต้องรู้ แล้วรับรองว่า การใช้มาสคาร่าของคุณสาวๆ ในชีวิตประจำวัน จะกลายเป็นเรื่องง่ายและเวิร์คสุดๆ ในการแต่งหน้าครั้งต่อไป มาดูกันเลยว่า เทคนิคที่ว่า มีอะไรบ้าง
1 ใช้มาสคาร่าชนิดปกติปัดที่ขนตาก่อน แล้วตามด้วยมาสคาร่าสูตรกันน้ำ จะทำให้มาสคาร่าติดทนนานและทำให้ง่ายในตอนที่จะต้องเช็ดออกอีกด้วย
2 มาดูวิธีปัด มาสคาร่า ที่ถูกวิธี ให้เริ่มจากดัดขนตาก่อน แล้วเริ่มด้วยการปัดขนตาล่าง เทคนิคคือให้มองตรง ส่วนการปัดขนตาบน ให้ใช้วิธีสวิงมือไปทางซ้ายทางขวา แล้วสบัดแปรงปัดขึ้น
3 ถ้าหากมาสคาร่าเริ่มแห้ง ลองเคล็ดลับนี้
4 ไม่มีน้ำยาล้างคอนแทคก็ไม่ใช่ปัญหา นำหลอดมาสคาร่าแช่ในแก้วใส่น้ำร้อนไว้สักครู่
5 ถ้าขนตายังไม่งอนพอดั่งใจต้องการ ลองแปรงสีฟันอันเก่า ช่วยได้
6 เช็ด มาสคาร่า ส่วนเกินที่ติดอยู่ที่แปรงก่อนปัด ก็ทำให้เกลี่ยง่ายขึ้น
7 ลืมพกที่ดัดขนตามาหรอ ไม่ต้องห่วง ช้อนก็ใช้ได้เหมือนกัน
8 ใช้บัตรเครดิตช่วยป้องกันไม่ให้มาสคาร่าเลอะที่เปลือกตาได้ด้วย
9 ใช้ก้านปัด มาสคาร่า แตะแป้งเด็กเล็กน้อย แล้วนำมาปัดช่วยให้ขนตาดูหนาขึ้น
10 ถ้าคุณมีเวลา ลองดัดแปรงปัดมาสคาร่า ที่ใช้ประจำ ให้เหมาะกับรูปตาของคุณ จะช่วยให้ปัดมาสคาร่าได้ออกมาสมบูรณ์แบบ สุดๆไปเลยล่ะ เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^
1 ใช้มาสคาร่าชนิดปกติปัดที่ขนตาก่อน แล้วตามด้วยมาสคาร่าสูตรกันน้ำ จะทำให้มาสคาร่าติดทนนานและทำให้ง่ายในตอนที่จะต้องเช็ดออกอีกด้วย
2 มาดูวิธีปัด มาสคาร่า ที่ถูกวิธี ให้เริ่มจากดัดขนตาก่อน แล้วเริ่มด้วยการปัดขนตาล่าง เทคนิคคือให้มองตรง ส่วนการปัดขนตาบน ให้ใช้วิธีสวิงมือไปทางซ้ายทางขวา แล้วสบัดแปรงปัดขึ้น
3 ถ้าหากมาสคาร่าเริ่มแห้ง ลองเคล็ดลับนี้
4 ไม่มีน้ำยาล้างคอนแทคก็ไม่ใช่ปัญหา นำหลอดมาสคาร่าแช่ในแก้วใส่น้ำร้อนไว้สักครู่
5 ถ้าขนตายังไม่งอนพอดั่งใจต้องการ ลองแปรงสีฟันอันเก่า ช่วยได้
6 เช็ด มาสคาร่า ส่วนเกินที่ติดอยู่ที่แปรงก่อนปัด ก็ทำให้เกลี่ยง่ายขึ้น
7 ลืมพกที่ดัดขนตามาหรอ ไม่ต้องห่วง ช้อนก็ใช้ได้เหมือนกัน
8 ใช้บัตรเครดิตช่วยป้องกันไม่ให้มาสคาร่าเลอะที่เปลือกตาได้ด้วย
9 ใช้ก้านปัด มาสคาร่า แตะแป้งเด็กเล็กน้อย แล้วนำมาปัดช่วยให้ขนตาดูหนาขึ้น
8 ก.พ. 2559
เทคนิค แต่งหน้า ง่ายๆ ของสาว รูขุมขนกว้าง
สาวๆ หลายคนมีปัญหา ” รูขุมขนกว้าง “ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ…นอกจากจะเป็นปัญหาที่แก้ยากอยู่แล้ว ยังทำให้แต่งหน้าออกมาดูไม่เนียนใสอีกด้วย แต่วันนี้หมดกังวลได้เลยครับ เพราะมีเทคนิคง่ายๆ ในการดูแลผิวหน้าและแต่งหน้าสำหรับสาวๆ ที่มี รูขุมขนกว้าง มาฝากกันครับ
1. ใช้คลีนเซอร์และโทนเนอร์ก่อนลงเครื่องสำอาง โดยใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อกำจัดและช่วยยับยั้งความมันบนใบหน้า ส่วนโทนเนอร์ให้เลือกที่เหมาะสมกับผิว แล้วใช้สำลีชุบก่อนเช็ดให้ทั่วใบหน้าจนรู้สึกถึงความสะอาด
2. ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นเป็นตัวช่วยในการกระชับรูขุมขน การใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาบนใบหน้านอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับแล้วยังเป็น การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ดังนั้นการใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาใบหน้าไม่ได้ทำร้ายผิวหน้าคุณเลยครับ ทำทุกวันได้ ไม่เสียหาย แถมให้ผลดีอีกด้วย
3. ทามอยซ์เจอไรเซอร์ มอยซ์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งที่ให้ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่สำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างแล้ว ควรใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้ถูกวิธี โดยค่อย ๆ นวดมันให้ซึมซับลงในผิวเบา ๆ การลงมอยซ์เจอไรเซอร์นอกจากจะบำรุงผิวแล้วยังทำให้คุณเกลี่ยรองพื้นได้ง่าย และติดทนนานอีกด้วย
4. เมื่อทามอยซ์เจอไรเซอร์แล้ว ให้ทาผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเป็นอันดับต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความมันครับ
5. ใช้เมกอัพไพรเมอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้เครื่องสำอางบนใบหน้าติดทนนาน เหมาะกับสาวหน้ามันที่มีปัญหาเครื่องสำอางลบเลือนเพราะความมันระหว่างวันโดย เฉพาะ ดังนั้นควรลงไพรเมอร์ก่อนทารองพื้นทุกครั้งเพื่อความสวยที่ยาวนานครับ
6. ลงรองพื้น ถึงแม้ว่าสาว ๆ จะใช้รองพื้นในการปกปิดรูขุมขนที่กว้างให้ดูเนียนขึ้น แต่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นที่มากเกินไปนะครับ เพราะมันยิ่งจะทำให้รองพื้นไปอุดตันรูขุมขนจนยิ่งเห็นรูขุมขนชัดขึ้นไปอีก ดังนั้นคุณควรใช้รองพื้นแบบน้ำที่กลมกลืนไปกับผิวหน้าดีกว่า แล้วตามด้วยแป้งฝุ่นครับ
7. ไม่ควรใช้แป้งผสมรองพื้น เพราะคุณลงรองพื้นไปแล้ว ดังนั้นให้ลงแป้งฝุ่นเท่านั้น เพราะแป้งผสมรองพื้นจะทำให้หน้าดูหนักมากขึ้นไปอีก แล้วยิ่งคุณหยิบมันมาตบแป้งระหว่างวันแล้ว ยิ่งทำให้รองพื้นหนาชั้นขึ้น จนอุดตันรูขุมขนและในที่สุดรูขุมขนของคุณก็จะยิ่งกว้างขึ้นไปอีกด้วย
1. ใช้คลีนเซอร์และโทนเนอร์ก่อนลงเครื่องสำอาง โดยใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อกำจัดและช่วยยับยั้งความมันบนใบหน้า ส่วนโทนเนอร์ให้เลือกที่เหมาะสมกับผิว แล้วใช้สำลีชุบก่อนเช็ดให้ทั่วใบหน้าจนรู้สึกถึงความสะอาด
2. ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นเป็นตัวช่วยในการกระชับรูขุมขน การใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาบนใบหน้านอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับแล้วยังเป็น การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ดังนั้นการใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นทาใบหน้าไม่ได้ทำร้ายผิวหน้าคุณเลยครับ ทำทุกวันได้ ไม่เสียหาย แถมให้ผลดีอีกด้วย
3. ทามอยซ์เจอไรเซอร์ มอยซ์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งที่ให้ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่สำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างแล้ว ควรใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้ถูกวิธี โดยค่อย ๆ นวดมันให้ซึมซับลงในผิวเบา ๆ การลงมอยซ์เจอไรเซอร์นอกจากจะบำรุงผิวแล้วยังทำให้คุณเกลี่ยรองพื้นได้ง่าย และติดทนนานอีกด้วย
4. เมื่อทามอยซ์เจอไรเซอร์แล้ว ให้ทาผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันเป็นอันดับต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความมันครับ
5. ใช้เมกอัพไพรเมอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้เครื่องสำอางบนใบหน้าติดทนนาน เหมาะกับสาวหน้ามันที่มีปัญหาเครื่องสำอางลบเลือนเพราะความมันระหว่างวันโดย เฉพาะ ดังนั้นควรลงไพรเมอร์ก่อนทารองพื้นทุกครั้งเพื่อความสวยที่ยาวนานครับ
6. ลงรองพื้น ถึงแม้ว่าสาว ๆ จะใช้รองพื้นในการปกปิดรูขุมขนที่กว้างให้ดูเนียนขึ้น แต่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นที่มากเกินไปนะครับ เพราะมันยิ่งจะทำให้รองพื้นไปอุดตันรูขุมขนจนยิ่งเห็นรูขุมขนชัดขึ้นไปอีก ดังนั้นคุณควรใช้รองพื้นแบบน้ำที่กลมกลืนไปกับผิวหน้าดีกว่า แล้วตามด้วยแป้งฝุ่นครับ
7. ไม่ควรใช้แป้งผสมรองพื้น เพราะคุณลงรองพื้นไปแล้ว ดังนั้นให้ลงแป้งฝุ่นเท่านั้น เพราะแป้งผสมรองพื้นจะทำให้หน้าดูหนักมากขึ้นไปอีก แล้วยิ่งคุณหยิบมันมาตบแป้งระหว่างวันแล้ว ยิ่งทำให้รองพื้นหนาชั้นขึ้น จนอุดตันรูขุมขนและในที่สุดรูขุมขนของคุณก็จะยิ่งกว้างขึ้นไปอีกด้วย
เมคอัพเป็นสาวขี้อ้อนที่จะทำให้ฟินค้างวาเลนไทน์นี้
ขอเสนอ เมคอัพสาวสายแบ๊ว ภารกิจพิชิตใจหนุ่ม โดยเมคอัพสไตล์ AMA ENBOU EYE MAKE การแต่งช่วงเปลือกตา ช่วงเปลือกตาด้านล่างและช่วงแก้มที่เน้นสีชมพูเป็นหลัก เพื่อให้ใบหน้าอ่อนหวานและดูเป็นสาวขี้อ้อนน่าหลงใหล
มาแปลงโฉมให้เป็นสาวขี้อ้อนในวาเลนไทน์นี้กันเถอะ!
การดึงดูดสายตาและน่าหลงใหล จุดสำคัญคือ “บริเวณเปลือกตา”เพื่อเน้นความเป็นสาวขี้อ้อนมากขึ้น
How to เป็นสาวขี้อ้อนน่าทะนุถนอม
Step1,2 :ทาอายชาโดว์สี light pink ทั้งบนเปลือกตาบนและไลน์เปลือกตาล่าง
Step3 : กรีดอายไลน์เนอร์สีดำ การกรีดชิดขอบตาและลากยาวออกมาจากหางตาพอประมาณจะช่วยให้ตาดูโตขึ้น
Step 4,5:ปัดมาสคาร่าพอประมาณทั้งขนตาบนและล่างให้พอฟุ้ง
Step 6 : ติดขนตาปลอมด้านเปลือกตาบน ไม่จำเป็นต้องใช้ขนตาปลอมแบบหนา
Step7 :เมื่อลงแป้ง แต่งหน้าเรียบร้อย ขั้นตอนที่เป็นจุดสำคัญอีกจุด คือการปัดแก้มให้ชมพูระเรื่อเน้นเข้มเล็กน้อย จุดนี้จะช่วยทำให้ดูอ่อนหวานมากขึ้นราวกับเป็นผู้หญิงผู้น่าทะนุถนอม
จะเห็นได้ว่าดวงตาที่แต่งเสร็จเรียบร้อยดูหวานและน่ารักด้วยโทนสีชมพูอย่างเห็ดได้ชัดเจน
ใกล้จะถึงช่วงเวลาแห่งความรักเข้ามาทุกๆที วาเลนไทน์นี้หวังว่าการเมคอัพแบบสาวขี้อ้อนจะทำให้หลายๆคนกลายเป็นสาวแบ๊วน่าทะนุถนอม และขอให้เดทของสาวๆสนุกมากยิ่งขึ้นนะครับ เป็นห่วงทุกคนนะครับ ^.^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)